‘ไก่เดือยทอง’ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กลายเป็นหนึ่งในทีมที่ฟอร์มน่าเป็นห่วงมากที่สุดทีมนึงในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ จากทีมที่ดูทรงบอลดี มีแนวทางและวิธีการที่ชัดเจนในฤดูกาลก่อน กลายเป็นทีมที่เต็มไปด้วยปัญหา ขาดมาตรฐาน และ ความสม่ำเสมอ ทำให้สเปอร์สแพ้ไปแล้วถึง 12 นัดในฤดูกาลนี้ จนหล่นลงมาอันดับ 15 ของตาราง โดยมีแต้มห่างจากโซนตกชั้นเพียง 8 คะแนนเท่านั้น

ซึ่งมันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่ ปัญหาทั้งหมดคืออะไร เราจะพาไปหาคำตอบกัน

แนวทางที่ตึงเกินไป

แอนจ์ ปอสเตโคกลู หนึ่งในกุนซือที่มีลายเซ็นและแนวทางของตัวเองอย่างชัดเจน ด้วยฟุตบอลที่เน้นความเอนเตอร์เทน เปิดหน้าแลก พร้อมยิง และ พร้อมเสียได้ทุกเมื่อ ซึ่งหนึ่งสิ่งที่บ่งบอกความเป็นสเปอร์สได้เป็นอย่างดีก็คือ จำนวนการยิงประตู โดยฤดูกาลนี้สเปอร์สยิงประตูคู่แข่งไปแล้วกว่า 45 ประตู ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก แต่ในทางกลับกัน เกมรับของพวกเขาก็เสียไปถึง 35 ประตูเช่นกัน ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 7 ของลีก

เรียกว่าเป็นทีมที่ความสุดโต่งเป็นอย่างมาก พร้อมชนะ และ แพ้ได้ทุกเมื่อ ซึ่งเป็นผลมาจากแนวทางการเล่นที่ตึงเกินไป ขาดความยืดหยุ่น ที่ไม่ยอมปรับไปตามแต่ละทีมที่เจอ ทำให้ในบางนัดพวกเขาไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ขาดมาตรฐาน และ ความสม่ำเสมอ นี่จึงกลายเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขาหล่นมาอยู่ในโซนท้ายตารางในปัจจุบัน

ด้าน เดยัน คูลูเซฟสกี้ ปีกของทีม เคยให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางของทีมไว้ว่า 

“ผมรู้สึกว่า แนวทางของสเปอร์สอาจจะไม่ยั่งยืน เราต้องปรับปรุงและหาวิธี ซึ่งบางทีเราควรปล่อยให้คู่ต่อสู้ได้บอลมากกว่านี้ แต่นั่นไม่ใช่แนวของ สเปอร์ส  เวลาเราลงสนาม เราทุ่มเทเต็มที่ แต่เราไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งบางทีเราอาจต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อเกมต่อไป” 

ผู้เล่นบาดเจ็บ

อีกหนึ่งเหตุผลที่น่าเห็นใจ และ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผลอย่างมากที่ทำให้สเปอร์ส ฟอร์มหลุดขนาดนี้ นั้นคือ ปัญหาเรื่องผู้เล่นบาดเจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตำแหน่งในเกมรับอย่าง ผู้รักษาประตู และ กองหลัง ไม่ว่าจะเป็น กูเยลโม่ วิคาริโอ, มิกกี้ ฟาน เดอ เฟ่น, คริสเตียน โรเมโร่, เดสตินี อูโดกี้, เบน เดวิส รวมไปถึงผู้เล่นในตำแหน่งอื่น ๆ ที่ผลัดกันเจ็บอยู่ตลอด เช่น โรดริโก เบนทานคูร์, วิลสัน โอโดแบร์, ริชาร์ลิสัน, ติโม แวร์เนอร์, โดมินิค โซลันกี้ เป็นต้น 

ซึ่งปัญหานี้ส่วนหนึ่งก็มาจาก ความซวย แต่อีกส่วนก็มาจาก แท็กติก เช่นกัน เนื่องจากแนวทางการเล่นของสเปอร์ส เป็นแนวทางที่ต้องใช้พลังงานค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นการเพรสซิ่งแบบหนักหน่วง เล่นเกมบุกแบบเต็มตัว ขึ้นสุดลงสุด ที่ค่อนข้างโอเวอร์โหลดผู้เล่นมากพอสมควร ซึ่งสุดท้ายก็ทำให้นักเตะเกิดอาการล้าสะสม และเกิดอาการบาดเจ็บตามมา

ตัวสำรองทดแทนกันไม่ได้

อย่างที่รู้กันว่า สเปอร์ส เป็นทีมที่ขุมกำลังเชิงลึกที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หากเทียบกับทีมระดับท็อปอย่าง ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล, เชลซี, แมนฯ ซิตี้ เป็นต้น ซึ่งทำให้ทีมมีปัญหาเวลาที่ตัวผู้เล่นหลักบาดเจ็บ หรือ หลุดฟอร์มไป ขาดตัวสำรองที่สามารถทดแทน หมุนเวียน หรือ แก้เกมได้

ซึ่งตำแหน่งกองหลังคือตำแหน่งที่เห็นได้ชัดที่สุด ว่ามีระยะห่างระหว่างตัวจริงกับตัวสำรองมากพอสมควร รวมไปถึงตำแหน่งอื่นๆ ด้วย ที่ตัวสำรองไม่สามารถฝากความหวังเอาไว้ได้ ส่งผลให้ภาระหนักจึงตกไปที่เหล่าบรรดาตัวหลัก ซึ่งพอขาดหายไป คุณภาพทีมโดยรวมจึงตกลงไปตาม

บอร์ดบริหารขาดความทะเยอทะยาน

เป็นสิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ ที่ แฟนสเปอร์ส น่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว จากการทำงานตลอด 24 ปี ของ แดเนียล เลวี ประธานสโมสร ที่เคยพาทีมประสบความสำเร็จเพียงครั้งเดียวตั้งแต่ในปี 2008 นอกจากนั้นการบริหารงานก็เน้นแค่ประคองตัว ใช้เงินลงทุนเท่าที่จำเป็น โดยขาดความทะเยอทะยานที่มากพอ ที่จะพาทีมประสบความสำเร็จ 

จนถึงขั้นครั้งนึง คริสเตียน โรเมโร่ กองหลังของทีม เคยออกมาวิจารณ์บอร์ดบริหารของสเปอร์ส เอาไว้ว่า 

“เราต้องศึกษาว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล มีการเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมอย่างไร ซึ่งรวมไปถึง เชลซี ที่ใช้เงินเสริมทีมไปอย่างมหาศาล แม้ผลงานจะยังไม่ดี แต่พวกเขากำลังกลับมา นี่เป็นสิ่งที่เราควรเอาเป็นแบบอย่าง และ หวังว่าบอร์ดบริหารจะรับรู้เรื่องนี้”