‘โอมาร์ มาร์มูช’ ชื่อนี้กำลังเป็นที่จับตามองของเหล่าบรรดาสื่อ และ แฟนบอล จากการที่ทัพ ‘เรือใบสีฟ้า’ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจคว้าตัวเขามาในช่วงตลาดเดือนมกราคมปีนี้ ด้วยค่าตัวที่สูงถึง 75 ล้านยูโร เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาเกมรุกของทีม
ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงชื่อของ ‘โอมาร์ มาร์มูช’ พวกเราแฟนบอลก็เพิ่งจะมาได้ยินชื่อของเขาเมื่อไม่นานมานี้ จากผลงานที่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ กับ ไอน์ทรัค แฟรงก์เฟิร์ต อดีตต้นสังกัด ด้วยผลงานการมีส่วนร่วมกับประตูไปถึง 34 ประตู แบ่งเป็น ยิง 20 และ แอสซิสต์ 14 จากการลงสนามเพียง 26 นัดเท่านั้น
เรียกว่าเป็นนักเตะที่ฟอร์มร้อนแรงที่สุดคนนึงในเวลานี้เลยก็ว่าได้ จนถึงขั้นที่ตัวเขา ได้รับฉายาว่า ‘เจ้าชายแห่งอียิปต์’ โดยถูกคาดหมายว่าจะสามารถขึ้นมาทดแทน โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ราชาอียิปต์คนปัจจุบันได้
ซึ่งเราจะพาไปทำความรู้จักกับ เจ้าชายอียิปต์ คนนี้กัน ว่าเขาเป็นใคร และ มีเรื่องราวที่ไปที่มาอย่างไร ติดตามได้ที่นี่
โอมาร์ มาร์มูช เจ้าชายแห่งอียิปต์
โอมาร์ มาร์มูซ เป็นเด็กที่เกิดและเติบโต ที่เมืองไคโร ประเทศอียิปต์ โดยตัวเขามี 2 สัญชาติทั้งอียิปต์ และ แคนาดา จากการที่พ่อแม่ของเขาเคยอาศัยอยู่ที่แคนาดามาก่อน แต่อย่างไรก็ตาม มาร์มูช ก็ได้ตัดสินใจเลือกเล่นให้กับทีมชาติอียิปต์ ประเทศบ้านเกิดของตัวเอง
มาร์มูช เป็นเด็กที่เติบโตในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะ ทำให้เขาไม่ต้องดิ้นรนเหมือนกับนักเตะแอฟริกาทั่วไป แต่ตัวเขาก็มีความมุ่งมั่นและความตั้งใจที่จะเป็นนักฟุตบอลในระดับท็อปให้ได้ ถึงแม้ว่าทางพ่อแม่ของเขาจะไม่ค่อยเห็นด้วยก็ตาม เพราะอยากให้มุ่งมั่นไปที่การเรียนมากกว่า และ ไม่เชื่อว่าลูกของเขาจะทำมันสำเร็จ
แต่ถึงกระนั้นแล้ว มาร์มูช ก็ไม่ย่อท้อก้มหน้าก้มตาซ้อมอย่างหนัก จนได้เป็นนักเตะเยาวชนของทีม วาดี เดกลา ทีมในประเทศบ้านเกิด ซึ่งเขาก็สามารถฉายแสงอย่างรวดเร็ว จนถูกเรียกไปติดทีมชาติชุดรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ก่อนที่ฟอร์มจะไปเข้าตาแมวมองของ โวล์ฟบวร์ก ทีมดังจากเยอรมัน และ ได้ย้ายไปร่วมทีมในเวลาต่อมา
บทพิสูจน์ของ โอมาร์ มาร์มูช
หลังจากที่ มาร์มูช ย้ายมาร่วมทัพ โวล์ฟบวร์ก ตัวเขาก็ต้องเจอกับบททดสอบมากมายทั้งเรื่อง ภาษา วัฒนธรรม อากาศ และ ฟุตบอล ที่แตกต่างออกไปจากตอนที่เขาอยู่ที่อียิปต์ ซึ่งตัวเขาก็ต้องใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าจะปรับตัวได้ ทำให้ในช่วงแรกของเขากับโวล์ฟบวร์ก จึงไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีเท่าที่ควร
มาร์มูซ จึงถูกปล่อยตัวไปให้ทีมอื่นยืมตัว เพื่อให้เขาไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อน กับทีมในลีกรองของเยอรมัน อย่าง ซังต์ เพาลี และ สตุ๊ตการ์ท ซึ่งถึงแม้เขาจะทำผลงานกับทีมที่ถูกปล่อยยืมได้ดี แต่พอ มาร์มูซ กลับมาที่ โวล์ฟบวร์ก เขาก็กลับไม่สามารถเฉิดฉายกับทีมได้ ทำให้มาถึงทางตันระหว่างตัวเขากับโวล์ฟบวร์กในที่สุด
ก่อนจะตัดสินใจย้ายมาร่วมทีม ไอน์ทรัค แฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งที่นี่กลายมาเป็นที่แจ้งเกิดให้กับ มาร์มูซ แบบเต็มตัว เขาได้รับความไว้วางใจจาก ดิโน่ ท็อปโมลเลอร์ กุนซือของทีม และ ได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง มาร์มูซ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังกลายเป็นตัวทีเด็ดของทีม สร้างผลงานทั้งการทำประตู และ แอสซิสต์ แบบเป็นกอบเป็นกำ จนเริ่มมีทีมใหญ่ทั่วยุโรปตามจีบตัวเขา ซึ่งในท้ายที่สุดก็เป็น แมนฯ ซิตี้ ที่ได้ตัวเขาไปในฤดูกาลนี้
ความหวังใหม่ของเรือใบ
โอมาร์ มาร์มูช ย้ายเข้ามาสู่ แมนฯ ซิตี้ ด้วยความคาดหวังที่ค่อนข้างสูง ตามราคาค่าตัวที่สูงถึง 80 ล้านยูโร ซึ่งในชั่วโมงนี้ แฟน ๆ เรือใบสีฟ้า ต่างกำลังมองหานักเตะที่จะสามารถสร้างจุดเปลี่ยน และ กู้วิกฤตให้กับทีมได้ ซึ่งเจ้าชายอียิปต์คนนี้ จะสามารถเป็นคน คนนั้นได้หรือไม่ ถือเป็นอะไรที่น่าติดตามอย่างยิ่ง
‘โอมาร์ มาร์มูช’ กล่าว
“การเซ็นสัญญากับแมนฯ ซิตี้ หนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุดในโลก เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ผมรู้สึกดีใจและครอบครัวของผมก็เช่นกัน และพวกเราทุกคนมีความสุขมากที่ได้อยู่ที่นี่”
“ผมต้องการที่จะประสบความสำเร็จ และ คว้าแชมป์กับทีม ซึ่ง แมนฯ ซิตี้ เป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเกาะอังกฤษมานานหลายปี ผมรู้ว่าผมกำลังอยู่ในทีมที่มีจิตวิญญาณ และ วัฒนธรรม ที่ต้องการชัยชนะอยู่เสมอ ซึ่งผมต้องเรียนรู้จากทีมงานและเพื่อนร่วมทีม และผมต้องการเป็นคนสำคัญของแมนฯ ซิตี้”