ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า การกลับมาคุมทัพ ‘ทอฟฟี่สีน้ำเงิน’ เอฟเวอร์ตัน อีกครั้งในรอบที่ 2 ของ เดวิด มอยส์ กุนซือที่หลายคนมองว่าเขาอาจจะตกยุคไปแล้วในปัจจุบัน จะเข้ามาเป็นคนสำคัญที่ทำให้เอฟเวอร์ตัน หลุดพ้นจากโซนลุ้นหนีตกชั้นแบบเต็มตัว หลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม พาทีมไม่แพ้ใครมาแล้ว 6 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก แบ่งเป็น ชนะ 4 เสมอ 2 พร้อมพาทีมขึ้นมารั้งอันดับ 14 ของตาราง 

เดวิด มอยส์ ทำยังไงให้ทอฟฟี่สีน้ำเงินกลับมาฟอร์มดีอีกครั้งนึงได้ ปัจจัยมีอะไรบ้าง ติดตามได้ที่นี่

จิตวิญญาณความเป็นนักสู้

หลังการกลับมาสิ่งแรกที่ เดวิด มอยส์ กุนซือวัย 61 ปี เลือกที่จะปรับปรุงก็คือ จิตวิญญาณความเป็นนักสู้ของทีม  โดยตัวเขาได้ประกาศตั้งแต่ในวันแรกว่า ตัวเขาไม่ได้กลับมาที่นี่เพื่อเพียงต่อสู้ลุ้นหนีตกชั้น แต่มาเพื่อสร้าง เอฟเวอร์ตัน ขึ้นมาใหม่เป็นครั้งที่ 2 พร้อมตั้งเป้าหมายให้กับทีมในระยะยาว

เดวิด มอยส์ ให้สัมภาษณ์ว่า

“หลังจากผ่านไป 11 ปี ตอนนี้ผมได้มีโอกาสคุมที่นี่อีกครั้ง ผมหวังว่าผมจะสามารถสร้างสโมสรขึ้นมาใหม่ได้ ตอนนี้เราต้องการให้กูดิสัน ปาร์คและแฟนบอลเอฟเวอร์ตันทุกคนมีส่วนร่วมในการหนุนหลังนักเตะในฤดูกาลที่สำคัญนี้”

“สโมสรฟุตบอลจำเป็นต้องเดินทางไปในทิศทางที่ถูกต้อง อยู่ในตำแหน่งที่คุณไม่ได้เพียงต่อสู้เพื่อลุ้นหนีตกชั้นตลอดเวลา ผมบอกผู้เล่นไปแล้วว่า ‘ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อเพียงพาทีมลุ้นหนีตกชั้น’ ผมต้องการมาคุมทีมที่พร้อมจะต่อสู้กับความท้าทาย”

โดยเอฟเวอร์ตัน ก่อนที่ มอยส์ จะเข้ามา ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน พวกเขาเก็บชัยชนะได้เพียง 3 จาก 19 นัดเท่านั้นในพรีเมียร์ลีก จนหล่นมารั้งอันดับ 16 ของตาราง โดยมีแต้มห่างจากโซนตกชั้นแค่คะแนนเดียวเท่านั้น 

จนกระทั่งการเข้ามาของ มอยส์ และทีมงานของเขาที่ประกอบด้วย อลัน เออร์ไวน์, บิลลี่ แม็คคินเลย์ และเลห์ตัน เบนส์ พวกเขาเข้ามาปรับปรุงทีมโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน ก่อนจะพาทีมเก็บแต้มได้เป็นกอบเป็นกำถึง 14 คะแนน จากคะแนนเต็ม 21 คะแนน พร้อมพาทีมขึ้นมารั้งอันดับ 14 ของตาราง โดยมีแต้มห่างจากโซนตกชั้นถึง 14 คะแนน

ปลุกความเพชฌฆาตของ เบโต้

นับตั้งแต่การเข้ามาของ มอยส์ ทำให้ฟอร์มของนักเตะเอฟเวอร์ตันหลายคนเริ่มกลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น จอร์แดน พิคฟอร์ด, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, จาราด แบรนท์เวท, อับดูลาย ดูกูเร และ อิลิมาน เอ็นดิอาย เป็นต้น แต่นักเตะที่ทำให้หลายคนเซอร์ไพรส์กับฟอร์มมากที่สุดในตอนนี้คงหนีไม่พ้น เบโต้ กองหน้าวัย 25 ปี 

จากกองหน้าที่แทบไม่มีส่วนกับทีมในยุคของ ฌอน ไดช์ สู่คนสำคัญในยุคของ เดวิด มอยส์ ที่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมหลังจากได้รับโอกาส โดยในตอนนี้ เบโต้ ยิงประตูให้กับเอฟเวอร์ตันไปแล้วถึง 5 ประตู จาก 4 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก จนมีชื่อเข้าชิงผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว

ด้าน เบโต้ ได้ออกมายอมรับว่า ตัวเขาเกือบตัดสินใจย้ายออกจากเอฟเวอร์ตันในช่วงตลาดเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากตัวเขาแทบไม่ได้ลงเล่นเลยในยุคของ ฌอน ไดช์ จนกระทั่งการเข้ามาของมอยส์ที่ทำให้ตัวเขาเหมือนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง

ประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ

การเข้ามารับเผือกร้อน กับภารกิจในการพาทีมหนีตกชั้น ไม่ใช่สิ่งกุนซือทุกคนจะสามารถทำได้ สิ่งสำคัญในเรื่องนี้คือ ‘ประสบการณ์’ ซึ่งหากมองไปที่ เดวิด มอยส์ แทบไม่ต้องสงสัยสิ่งนี้ในตัวเขาเลย ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ตัวเขาเคยอยู่กับทีม จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับทีมนาน

อีกทั้งตัวเขายังประสบการณ์กับมากมายกับหลาย ๆ สโมสร ไม่ว่าจะเป็น เอฟเวอร์ตัน, แมนฯ ยูไนเต็ด, เรอัล โซเซียดาด, ซันเดอร์แลนด์ และ เวสต์แฮม ที่ตัวเขาเคยพาหลายต่อหลายทีม สู้ภารกิจหนีตกชั้นมาแล้วตลอดอาชีพการเป็นกุนซือ และ ไม่เคยคุมทีมไหนแล้วตกชั้นเลย   

โดยสิ่ง มอยส์ เน้นเป็นสิ่งสำคัญก็คือ เรื่องสภาพจิตใจ ที่ต้องทำให้นักเตะมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเองก่อน แล้วค่อยไปเน้นในเรื่องของแท็กติกและวิธีการเล่น ซึ่งถึงแม้ว่าวิธีการเล่นของ มอยส์ จะไม่ได้เป็นวิธีการเล่นที่สวยงามเหมือนทีมอื่น ๆ แต่ก็มีประสิทธิภาพมากพอที่สามารถเก็บผลการแข่งขันได้