โจโก วิโดโด (Joko Widodo) ประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย กล่าวว่าสงครามในยูเครนกำลังทำให้ราคาอาหารและราคาพลังงานสูงขึ้น ซึ่งทำให้ประเทศกำลังพัฒนาอย่างอินโดนีเซียนั้นมีความเสี่ยง
วิโดโดกล่าวว่า “ราคาอาหารที่สูงขึ้นนั้น เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก” และเรียกร้องให้มีการยุติสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซียกับยูเครนด้วยการเจรจา เพื่อที่จะได้มาช่วยกันมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโต ไม่เช่นนั้น หลายประเทศจะตกอยู่ในภัยอันตราย โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพของงานประชุม G20 หรืองานประชุมของเศรษฐกิจหลัก 20 ประเทศของโลกในเดือนพฤศจิกายนนี้ ประธานาธิบดีวิโดโดจึงได้เชิญประธานาธิบดีปูตินมาเข้าร่วมงานด้วย ถึงแม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้ถอดรัสเซียออกจาก G20 ก็ตาม
นอกจากนี้ วิโดโดยังเชิญประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนมาด้วย ถึงแม้ว่ายูเครนจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มรายชื่อ G20 ก็ตาม เนื่องจากวิโดโดมองว่า ปัญหาหลักในตอนนี้คือสงคราม และพวกเขาต้องเชิญยูเครนมาเข้าร่วมงานประชุมด้วยเพื่อแก้ไขปัญหานี้ร่วมกัน
โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา อินโดนีเซียเคยปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือทางอาวุธกับยูเครน โดยเสนอให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแทน และยังกล่าวว่าการรุกรานยูเครนของรัสเซียนั้น ‘ยอมรับไม่ได้’
สงครามครั้งนี้ได้กระทบห่วงโซ่อุปทานและปริมาณอาหารสำรองของโลกเป็นอย่างมาก โดยทางสหประชาชาติกล่าวว่า ปริมาณของผู้ที่ขาดแคลนอาหารขั้นรุนแรงอาจเพิ่มขึ้นจาก 276 ล้านคน เป็น 323 ล้านคนในปีนี้ เนื่องจากรัสเซียและยูเครนเป็นผู้นำด้านการส่งออกข้าวสาลีของโลก ซึ่งรับผิดชอบปริมาณข้าวสาลีถึง 29% ทำให้ราคาข้าวสาลีพุ่งขึ้นสูงกว่า 50% จากปีที่แล้ว จากการที่ทั้งสองประเทศอยู่ในภาวะสงคราม
ที่มา: CNBC
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส