วันที่ 2 มิถุนายน 2565 มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) กล่าวกับพนักงานของเมตา (Meta) บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก จำนวน 77,800 คน ในการประชุมทางไกลว่าบริษัทกำลังพบเจอกับการถดถอยที่ร้ายแรงที่สุดตั้งแต่เคยประสบมา และพนักงานควรเตรียมตัวที่จะต้องทำงานหนักขึ้นด้วยทรัพยากรที่น้อยลง รวมถึงการประเมินผลการทำงานจะเข้มงวดขึ้นอย่างมากต่อจากนี้
ซักเคอร์เบิร์กยังกล่าวอีกว่า พนักงานบางคนอาจประเมินได้ว่าตนเองไม่เหมาะที่จะทำงานที่บริษัทนี้ ซึ่งเขาก็ยอมรับได้กับการตระหนักและตัดสินใจด้วยตัวเอง เพราะอันที่จริงตัวเขาเองก็คิดว่ามีพนักงานหลายคนที่ไม่ควรจะอยู่ที่บริษัทนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วด้วยซ้ำ
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือแผนการจ้างงานที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งในปีนี้ทางบริษัทมีแผนที่จะจ้างวิศวกรเพิ่มอีก เพียง 6,000 ถึง 7,000 คน ลดลงจาก 10,000 คน ที่เคยวางแผนเอาไว้ ในขณะที่พนักงานเก่าของเฟซบุ๊กก็ได้ยืนยันว่าทางบริษัทได้ทยอยลดอัตราการจ้างมาเรื่อย ๆ หลายเดือนแล้ว
การถดถอยนี้เป็นผลมาจากรายได้จากโฆษณาซึ่งเป็นหนึ่งในรายได้หลักของบริษัทได้ลดลงอย่างมาก จากการเปลี่ยนแปลงเรื่องมาตรการด้านความปลอดภัยของแอปเปิล ซึ่งทำให้เฟซบุ๊กและอินสตาแกรมเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ของลูกค้าแอปเปิลได้ยากขึ้น และสูญเสียรายได้ไปมหาศาล
ซึ่งหลังจากรายงานผลประกอบการของบริษัทที่แสดงให้เห็นถึงกำไรที่ลดลงถึง 2 ไตรมาสติดกันเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี เมตาได้สูญเสียมูลค่าตลาดไปกว่า 230,000 ล้านเหรียญ (ราว 8,000,000 ล้านบาท) จากแรงเทขายของผู้ถือหุ้นที่กังวลกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
นอกจากเมตาแล้ว บริษัทเทคโนโลยีอื่นอย่างเทสลา (Tesla) คอยน์เบส (Coinbase) เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) และอื่น ๆ อีกมากมาย ก็เริ่มมีนโยบายการปลดพนักงานหรือลดการจ้างงานเช่นกัน จากภาวะเศรษฐกิจที่ตึงเครียดทั่วโลกและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในรอบหลายสิบปี
ที่มา: MarketWatch
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส