ข้อมูลจากสถาบันสถิติแห่งตุรกีรายงานว่าอัตราเงินเฟ้อของตุรกีในเดือนมิถุนายนนี้อยู่ที่ 78.62% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขที่เคยคาดการณ์ไว้ทั้งหมดก่อนหน้านี้ และยังเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 24 ปี อีกด้วย โดยมีอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอยู่ที่ราว 4.95% ต่อเดือน
ผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ราคาอาหารและพลังงานพุ่งสูงขึ้นทั่วโลก และค่าเงินลีรา ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักของประเทศตุรกีลดลงอย่างมาก ทำให้ประชากรชาวตุรกีกว่า 84 ล้านคนได้รับผลกระทบจากของที่ราคาแพง และอำนาจในการซื้อของเงินในมือลดลง
อ้างอิงข้อมูลจากรัฐบาลตุรกี ราคาของการคมนาคมในตุรกีเพิ่มขึ้นถึง 123.37% จากปีที่แล้ว ส่วนราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นถึง 93.93%
ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่นายเรเจป ทายยิป แอร์โดอัน (Recep Tayyip Erdogan) ประธานาธิบดีตุรกี ก็ปฏิเสธที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อชะลอความรุนแรงของอัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากเขามองว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยคือ ‘รากเหง้าของความชั่วร้าย’ ทำให้ค่าเงินลีราในมือประชาชนอ่อนค่าลงเรื่อย ๆ จากเงินที่เฟ้อสูงขึ้น
ธนาคารกลางของตุรกีนั้นอยู่ในการควบคุมของรัฐบาล โดยนายแอร์โดอันได้สั่งให้ธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในปี 2020 และ 2021 ถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น ซึ่งผู้ว่าการธนาคารกลางที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้จะถูกไล่ออก โดยตุรกีได้เปลี่ยนผู้ว่าการธนาคารกลางถึง 4 คนแล้วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ ส่วนอัตราดอกเบี้ยลดลงมาอยู่ที่ 14%
ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้มีความพยายามที่จะกู้ค่าเงินลีราโดยไม่เพิ่มอัตราดอกเบี้ย ด้วยการประกาศยกเลิกการปล่อยกู้เป็นเงินลีราให้กับบริษัทที่ถือสกุลเงินต่างประเทศเยอะเกินไป ซึ่งแม้นโยบายนี้จะช่วยให้ค่าเงินลีราแข็งขึ้นได้เล็กน้อย แต่ก็สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับความยั่งยืนของวิธีการแบบนี้
ที่มา: CNBC
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส