วันที่ 8 กรกฎาคม 2565 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ในรูปแบบคลิปวิดีโอเรื่อง “กลยุทธ์ 3 แกน สร้างอนาคต” ซึ่งมีความยาว 17 นาที โดยรายละเอียดของแถลงการณ์ระบุถึงกลยุทธ์ 3 แกน ในการสร้างอนาคตที่จะมายกระดับความมั่งคั่งรุ่งเรืองให้กับประชาชน ท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลก
ในช่วงต้นนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศในช่วงระยะสั้น ๆ ได้ดำเนินนโยบายระยะสั้น แก้ปัญหาความยากจนเฉพาะหน้า หรือมีโครงการลดแลกแจกแถมต่าง ๆ บางโครงการเป็นสิ่งที่ควรทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามวิกฤต เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน แต่โครงการแบบนั้นไม่ใช่วิธีที่จะแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน และวิธีการเหล่านั้นไม่ทำให้ใครรวยขึ้นมาได้”
นายกรัฐมนตรี จึงนำเสนอกลยุทธ์ภาพใหญ่ที่จะมาแก้ไขปัญหาปากท้องและความยากจนให้หมดไป โดยมีแกนหลัก 3 ข้อ ดังต่อไปนี้
แกนที่ 1 โครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าหลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลมักวางแผนโครงการสวยหรูมากมาย เช่น ทางรถไฟ สนามบิน ถนน รถไฟความเร็วสูง และท่าเรือ แต่หลายโครงการถูกเก็บขึ้นหิ้งและไม่เกิดขึ้นจริง ซึ่งความมุ่งมั่นหลักของนายกรัฐมนตรี คือการทำให้โครงการเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง เพื่อยกระดับความมั่งคั่งของทุกคน เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้เป็นเสมือนจิ๊กซอว์ที่ต่อกัน และสร้างความเจริญรุ่งเรืองอย่างก้าวกระโดดให้กับประเทศได้ ซึ่งโครงการดังกล่าวที่ใช้เวลาสร้างยาวนานหลายปี และตอนนี้ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
แกนที่ 2 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมทั้งเล็กและใหญ่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ และดึงเม็ดเงินเข้าประเทศมหาศาล ซึ่งในปัจจุบันอุตสาหกรรมนี้กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมคน ที่หันไปนิยมรถยนต์ไฟฟ้า และหลายประเทศกำลังพยายามที่จะดึงเอาอุตสาหกรรมยานยนต์ออกไปจากประเทศไทย ด้วยการเร่งสร้างฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
ดังนั้น นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ประเทศไทยจะต้องเดินหน้าให้เร็วกว่าประเทศอื่น ๆ และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญแห่งหนึ่งของโลกในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ล็อกผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลกยังคงอยู่กับประเทศไทย และทำให้เรื่องต่าง ๆ ง่ายขึ้นสำหรับเขา เพื่อดึงดูดให้ลงทุนต่อเนื่องในประเทศไทย นอกจากนี้ จะต้องทำให้ยานยนต์ไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายในการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า มีราคาถูกลงสำหรับคนไทย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจะมีการชี้แจงรายละเอียดและความคืบหน้าสำหรับแกนที่ 2 นี้ในช่วงเดือนหน้าอีกครั้ง
แกนที่ 3 ธนาคารสำหรับทุกคน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตอนนี้มีประชากรไทยกว่า 30 ล้านคนที่ไม่สามารถกู้เงินได้ และบางคนไม่มีแม้แต่บัญชีธนาคาร ซึ่งเงินกู้จากธนาคารเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประชาชนสร้างอนาคตและความมั่งคั่งให้ตัวเองได้ ซึ่งจะกระตุ้นความมั่งคั่งให้กับประเทศไทยตามไปด้วย แต่ปัจจุบัน ประเทศไทยกลับมีคนเก่ง ๆ จำนวนมากที่ไม่สามารถกู้เงินจากระบบธนาคารแบบเดิม ๆ ได้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยกตัวอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยประเมินความสามารถในการชำระหนีัของผู้กู้ และขยายเงินกู้ออกไปได้กว้างขึ้น ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงเงินกู้ได้มากกว่าเดิม และช่วยให้ผู้คนเดินหน้าไปสู่ความมั่งคั่งร่ำรวยได้เร็วขึ้น
นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า ในตอนนี้มีหลายธนาคารที่ได้เริ่มการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานกับบริการทางการเงินของธนาคารแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้ธนาคารเหล่านั้นเดินหน้าให้เร็วขึ้น และช่วยยกระดับประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
เรายังมีคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่ฉลาดและมีหัวการค้ามากมายในประเทศไทย คนที่พร้อมที่จะสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ธุรกิจดี ๆ แห่งอนาคต นับพันธุรกิจ สร้างความร่ำรวยให้กับตัวพวกเขาเอง และในขณะเดียวกัน ก็สร้างความรุ่งเรืองให้กับประเทศด้วย เราต้องส่งเสริมเขาและทำให้เขาสามารถเข้าถึงเงินกู้ได้ง่ายขึ้น ทำไมเจ้าของร้านค้าขายเล็ก ๆ ตามท้องถนน ถึงกู้เงินจากธนาคารง่าย ๆ บ้างไม่ได้ ทั้งที่ร้านของเขาก็ขายดี มีลูกค้าประจำ เราต้องหาทางที่จะทำให้เงินทุนที่จำเป็นไปถึงมือเจ้าของกิจการเล็ก ๆ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สมควรจะได้รับมัน
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อทั้งสามอย่างนี้เชื่อมกัน ความมั่งคั่งรุ่งเรืองจะเกิดขึ้น และในเวลานี้ แผนการเหล่านี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว และเชิญชวนประชาชนให้ร่วมมือกันต่อสู้กับความยากจนและสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแรง โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า “เราจะได้เห็นการผลิดอกออกผลของโครงการเหล่านี้ ในเวลาไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า”
ที่มา: รัฐบาลไทย