เมื่อเร็ว ๆ นี้ ชัยชนะของพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ Liberal Democratic Party ทำให้ความพยายามอันยาวนานของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ (Shinzo Abe) ที่จะทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีสภาพ “ปกติ” นั้นเป็นความจริงขึ้นทุกวัน คืออาเบะมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ญี่ปุ่นมีกองทัพป้องกันประเทศเหมือนกับประเทศอื่น ๆ
ญี่ปุ่นเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลก แต่ยังไม่มีกองทัพสามารถป้องกันประเทศตัวเองได้เนื่องจากรัฐธรรมนูญที่สหรัฐอเมริการ่างไว้ให้เมื่อ 75 ปีก่อนไม่อนุญาตให้ญี่ปุ่นมีกองทัพได้ ตอนนั้นญี่ปุ่นเป็นผู้แพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีอำนาจต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่ทุกวันนี้สภาพภูมิรัฐศาสตร์ได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างรวดเร็ว โดยมีการแพร่ขยายของอำนาจการเมืองและเศรษฐกิจของจีนอย่างรวดเร็วและเหตุการณ์การเมืองระหว่างประเทศที่คาดเดาไม่ได้เป็นตัวหลัก ทำให้ญี่ปุ่นต้องการเพิ่มศักยภาพการป้องกันประเทศโดยต้องมีกองทัพเป็นที่เป็นทาง
พอรัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นตกใจมาก กลัวว่าในอนาคตรัสเซียอาจจะรุกรานประเทศอื่น ๆ ได้อีก อาจจะรวมทั้งญี่ปุ่นด้วย จึงทำให้ความพยายามของอาเบะและนักการเมืองฝ่ายขวาได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มขึ้นอย่างสูงที่ต้องการเห็นญี่ปุ่นมีขีดความสามารถในการปกป้องอธิปไตยแห่งดินแดน โดยไม่ต้องพึ่งพาประเทศอื่นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
นับจากนี้ พรรคเสรีประชาธิปไตยจะพยายามใช้เสียงข้างมากเกินสองในสามของสภาล่างและสภาสูงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถมีกองทัพให้ได้ และยังสามารถส่งทหารญี่ปุ่นเข้าร่วมรบกับพันธมิตรทุกหนทุกแห่งได้ อย่างไรก็ดี มันยังจะเป็นกระบวนการที่ใช้เวลา เพราะว่าคนญี่ปุ่นทั่วไปยังไม่มีฉันทามติในประเด็นนี้
นอกจากนั้น ในขณะนี้คนญี่ปุ่นประสบปัญหาเรื่องปากท้อง เนื่องจากราคาค่าเงินเยนลดค่าถึง 30% นับว่าตกต่ำมากเป็นประวัติการณ์ พลังงานนำเข้าทุกอย่างราคาแพงเพิ่มขึ้น เงินเฟ้อสูงถึง 2.8% ฉะนั้นเรื่องเปลี่ยนรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นประเด็นเร่งด่วนสำหรับคนญี่ปุ่น
ฉะนั้นพรรคเสรีประชาธิปไตยต้องระมัดระวังถึงแม้ว่าจะชนะเลือกตั้งมาสด ๆ ร้อน ๆ ไม่เช่นนั้นคนญี่ปุ่นอาจจะออกมาต่อต้านรัฐบาลได้
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน นายฟูมิโอะ คิชิดะ (Fumio Kishida) จึงมีความรับผิดชอบสูงมาก ทั้งประเด็นท้าท้ายในและนอกประเทศ ไหนจะมีความคาดหวังจากคนญี่ปุ่นที่ต้องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่สืบเนื่องมาจากโรคโควิด-19 ไหนจะถูกซ้ำเติมด้วยผลพวงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน นอกจากนั้นยังมีแรงกดดันให้ช่วยยูเครนจากประเทศพันธมิตรอื่น ๆ โดยเฉพาะยุโรปและองค์การนาโต (NATO) ที่ได้เชิญญี่ปุ่นเข้ามาร่วมกิจกรรมการประชุมสุดยอดทางด้านการป้องกันประเทศ
ญี่ปุ่นต้องการเพิ่มความร่วมมือกับองค์การนาโตเพื่อเป็นหลักประกันเรื่องความมั่นคงและความเข้มแข็งในการป้องกันประเทศ ในช่วงเวลานี้รัฐบาลต้องพยายามชักจูงให้คนญี่ปุ่นทุกภาคส่วนให้มาสนับสนุนการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ เพราะในอนาคตต้องมีการลงประชามติก่อน รัฐสภาจึงจะสามารถดำเนินกระบวนการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญต่อไปได้
สำหรับอาเซียน อดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ถือเป็น “มิตรที่ดีและเป็นที่รักของอาเซียน” นี่คือถ้อยคำของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่มีต่ออสัญกรรมของอาเบะ สัมพันธ์ที่ดีระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นอาจมีพลวัตรมากขึ้นพร้อมสิ่งท้าทายใหม่ ถ้าญี่ปุ่นมีกำลังทหารแบบในอดีต
ภาพ: PBS
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส