ปัญหาการขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ยังดูไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น แถมยังเหมือนจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้วัตถุดิบสำคัญในการผลิตอย่างแก๊สคริปทอนและนีออน ลดลงอย่างมาก
วีเนย์ กุ๊ปทา (Vinay Gupta) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเอเชียแปซิฟิกขององค์กรข้อมูลระหว่างประเทศกล่าวว่า เซมิคอนดักเตอร์จะยังคงขาดแคลนต่อไป และไม่เพิ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากทรัพยากรสำคัญมากมายที่ต้องใช้ผลิตไม่เพียงพอ โดยรัสเซียกับยูเครนเป็นสองผู้ส่งออกแก๊สคริปทอนที่ใช้ในการสร้างชิปมากที่สุดในโลก นอกจากนี้ แก๊สนีออนกว่าครึ่งหนึ่งที่ต้องใช้ยังถูกส่งออกโดยบริษัทในยูเครน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำชิปและสลักเลเซอร์ลงบนแผ่นซิลิคอนที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย
ชิปเซมิคอนดักเตอร์นี้ถูกใช้ในอุปกรณ์สารพัด ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ รถยนต์ ไปจนถือเครื่องใช้ในบ้านทั่วไป เพราะฉะนั้นการขาดแคลนชิปสำคัญนี้จะส่งผลให้ราคาของสินค้าเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งผลกระทบก็จะตกไปที่ผู้บริโภคที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นนี้
นอกจากต้นทุนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่สูงขึ้นแล้ว อัตราเงินเฟ้อสูงและความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในด้านอื่นก็ยังทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นด้วย และไม่ใช่แค่ผู้บริโภคที่ใช้เงินน้อยลง แต่องค์กรไอทีต่าง ๆ ก็มีสัญญาณที่จะ ‘รัดกุมงบประมาณด้านไอที’ มากขึ้นอีกด้วย
ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไป 0.75% ในครั้งเดียว และมีแผนว่าจะปรับขึ้นอีกครั้งหนึ่งในเดือนกรกฎาคมนี้
การขึ้นอัตราดอกเบี้ย ต้นทุนการทำธุรกิจที่สูงขึ้น และการที่ผู้คนไม่อยากใช้เงิน เมื่อสิ่งเหล่านี้รวมกันแล้วยิ่งทำให้สัญญาณการถดถอยของเศรษฐกิจยิ่งชัดเจนขึ้น และกุ๊ปทากล่าวว่า ‘มันจะมาแน่นอน’
ที่มา: CNBC
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส