ผลสำรวจเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาของ PwC เปิดเผยว่าได้ทำการสำรวจผู้บริหารและกรรมการของบริษัทต่าง ๆ ในสหรัฐฯ มากกว่า 700 คนในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย พบว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามวางแผนที่จะปลดพนักงาน ในขณะที่ 52% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ระงับการจ้างงานพนักงานใหม่แล้ว

หลายคนอาจจะมองว่าแนวโน้มการปลดพนักงานนั้น มาจากบริษัทสตาร์ทอัปหลายแห่งที่เติบโตขึ้นมาเร็วเกินไปในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่เมื่อมองกลับไปที่บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น วอลมาร์ต (Walmart) แอปเปิล (Apple) หรือออราเคิล (Oracle) ก็ล้วนแต่สั่งลดจำนวนพนักงานลงเช่นกัน

ผลสำรวจของ PwC ยังพบว่ามีบริษัท 70% ที่พยายามปรับเปลี่ยนมาสู่การทำงานที่บ้านอย่างถาวร สำหรับตำแหน่งที่ทำได้ เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย ในขณะที่ 61% รู้สึกว่าอยากให้พนักงานมาที่ออฟฟิศหรือพื้นที่ทำงานของบริษัทบ้าง

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่บ้าน หรือการมาที่ออฟฟิศบ้าง ล้วนเป็นสิ่งที่บริษัทสามารถสั่งให้พนักงานทำได้ เมื่อมีการตกลงและวางเงื่อนไขการทำงาน อย่างไรก็ตาม มีบริษัทอีกหลายแห่งที่มองว่าในเมื่อพนักงานไม่ได้มาที่ออฟฟิศบ่อย ๆ แล้ว พวกเขาก็สามารถลดขนาดของสำนักงานลงได้ หรือแม้แต่การไม่มีสำนักงานไปเลยเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ การอนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้านอย่างถาวร ยังช่วยให้บริษัทมีโอกาสมากขึ้น ที่ผู้สมัครงานซึ่งบริษัทต้องการตัวจะตอบรับข้อเสนองาน เนื่องจากไม่มีปัจจัยเรื่องสถานที่ทำงานให้ต้องกังวล โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานทักษะสูง (Skilled Workers) ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการตัวอย่างมากในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้แรงงานกลุ่มนี้มีอำนาจต่อรองเหนือบริษัท ท่ามกลางกระแสปลดพนักงานในสหรัฐฯ

ที่มา : Bloomberg

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส