ผู้นำสองอภิมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาและจีนจะพบกันที่อินโดนีเซียหรือไทยในเดือนพฤศจิกายนที่กำลังจะถึงนี้ ตอนนี้นักการทูตของไทยและอินโดนีเซียกำลังล็อบบีกันอย่างหนักเพื่อเสนอประเทศตนให้เป็นที่นัดพบประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาโจไบเดนกับประธานาธิบดีจีนสี จิ้นผิง ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลที่นำเสนอในเชิงบวก ปีนี้อินโดนีเซียเป็นประธาน G20 จึงมีภาษีมาก เพราะทั้งผู้นำสหรัฐอเมริกาและจีนต้องเข้าประชุมที่เกาะบาหลี วันที่ 14-15 พฤศจิกายน โอกาสที่ทั้งไบเดนกับสีจะพบกันก่อนย่อมมีมากกว่า

นอกจากนั้น ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย โจโก วีโดโด (หรือ โจโกวี) ยังเสนออินโดนีเซียเป็นสะพานแห่งสันติภาพและความมั่นคงให้กับโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย หยิบประเด็นนี้ไปเยือนทั้งรัสเซียและยูเครน และได้พบผู้นำทั้งสองคู่อริพร้อมเรียกร้องให้ยุติสงครามโดยเร็ว เพื่อให้ยูเครนสามารถส่งออกพืชผลเกษตรกรรมได้ เพื่อลดวิกฤติการขาดอาหารที่เกิดขึ้นทั่วโลกโดยเฉพาะในแอฟริกา

อินโดนีเซียยังเป็นประเทศประชาธิปไตยใหญ่เป็นที่ 3 ของโลก เป็นชาติมุสลิมสายกลางที่กำลังมาแรงเพราะกำลังแข่งขันกับตุรเคีย (Turkiye) ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ก่อนหน้านี้โจโกวีไม่สนใจการเมืองต่างประเทศเลย
แต่พอมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ต้องการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเองที่สามารถยกฐานะของอินโดนีเซียในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ และยังสามารถเรียกร้องให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาร่วมกันสร้างเมืองหลวงใหม่ที่เกาะบอร์เนียว

ส่วนไทยมีจุดขายมากพอสมควร เนื่องจากเป็นประธานเอเปค 2022 จะมีผู้นำเศรษฐกิจ 22 เขตของโลกมาประชุมที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 18-19 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ไทยยังมีความสัมพันธ์ดีมากกับทั้งสองประเทศนี้

4 ปีที่แล้วตอนที่อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พบกับผู้นำเกาหลีสูงสุด คิม จ็อง-อึน ที่สิงค์โปร์ และครั้งที่ 2 ที่กรุงฮานอย ในเวียดนามนั้น ไทยก็มีชื่อติดเป็นตัวเลือกทั้งสองครั้งของประธานกรรมการที่จัดการเลือกสถานที่นัดพบ น่าเสียดายไทยพลาดไป ช่วงนั้นสภาพการเมืองไทยยังไม่เสถียรทำให้ภาพลักษณ์และความมั่นใจขาดไป

มาวันนี้ ไทยอยู่ในสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกที่มีเสถียรภาพดีกว่ามาก จึงมีโอกาสมากที่จะชักจูงให้ผู้เกี่ยวข้องในการจัดหาสถานที่ให้ไบเดนกับสี ตัดสินใจนัดพบในไทย

การจะเป็นเจ้าภาพของพบปะสุดยอดผู้นำแบบนี้ ต้องมีความพร้อมทั้งรัฐบาลและประชาชน เนื่องจากมีประเด็นรักษาความมั่นคงและค่าใช้จ่ายพิเศษที่เจ้าภาพต้องที่ต้องรับเป็นภาระ

ทั้งสิงคโปร์และเวียดนามใช้เงินหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการจัดการประชุมทรัมป์และคิม ในปี 2017 และ 2018 ในกรณีที่มีการตัดสินใจมาประชุมที่กรุงเทพฯ ทางการไทยสามารถจัดหาสถานที่ได้อย่างง่ายดาย ทั้งในสถานที่ประชุมศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ซึ่งจะเป็นสถานที่เป็นจัดการประชุมใหญ่เอเปค หรือในสถานที่อื่น ๆ เช่น บ้านพิษณุโลกที่เคยใช้เป็นนัดพบผู้นำคนสำคัญที่แวะมาไทย มีความสะดวกต่อหน่วยความมั่นคงในการดูแล


ภาพ: South China Morning Post

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส