เจ มาร์ท กรุ๊ป กลุ่มการลงทุนในธุรกิจค้าปลีก การเงิน และเทคโนโลยี ภายใต้วิสัยทัศน์ “Technology Investment Holding Company” ประกาศทุ่มงบประมาณ 80 ล้านบาท ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ด้วยแนวคิดขับเคลื่อนธุรกิจด้วย ‘ใจ’ ผนึกกำลัง 20 บริษัทในเครือ เจมาร์ท เตรียมสร้างโอกาสทางการลงทุนเพิ่มในปีนี้ พร้อมตั้งเป้าหมายมูลค่ากิจการรวมกลุ่มบริษัทไปที่ 500,000 ล้านบาท ในปี 2567
ทุ่ม 80 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจด้วย ‘ใจ’
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่านิยมใหม่ “ใจ” ของ เจ มาร์ท กรุ๊ป ประกอบด้วย ทำด้วยใจ (Hands) ด้วยเครือข่ายธุรกิจและพันธมิตรที่หลากหลายเราจึงเข้าถึงทุกชีวิตได้ดียิ่งกว่า, ให้ใจ (Hearts) จากความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจการเงิน และธุรกิจค้าปลีก เราจึงมีความเข้าใจและเต็มใจที่จะร่วมแก้ปัญหาทางการเงินให้ประชาชนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
สร้างสรรค์ด้วยใจ (Head) เรานำเทคโนโลยีบิ้กดาต้า และนวัตกรรมทางดิจิทัลมาพัฒนารูปแบบธุรกิจและผลิตภัณฑ์ด้านธุรกิจการเงิน และค้าปลีก ที่ตอบโจทย์กับทุกความต้องการของลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน และสุดท้ายคือ พลังใจ (Hope) มีแรงผลักดันที่จะส่งเสริมให้คนไทยพัฒนาตนเอง มีต้นทุนที่ดีในการสร้างโอกาส เพื่อก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างไม่กลัวอุปสรรค
โดยจะใช้งบประมาณ 80 ล้านบาท ในแคมเปญการสื่อสาร “ใจ” เช่น สัญลักษณ์ “ใจ” บนสื่อ Out of Home บนสถานีรถไฟฟ้า BTS ทั่วกรุงเทพมหานคร และสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงตัวภาพยนตร์โฆษณาชุด “Perception – Reality” ที่สื่อความถึงการเติบโตของขนาดมูลค่าธุรกิจของ เจ มาร์ท กรุ๊ป ในปัจจุบันที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 2 แสนล้านบาท เปรียบได้กับฐานรากภูเขาน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องทะเลลึก ซึ่งผู้คนจะเห็นเพียงก้อนน้ำแข็งด้านบน แต่จริงๆ แล้วมีพลังของก้อนน้ำแข็งอีกมากซ่อนอยู่
เติบโตแบบ J Curve สู่ 5 แสนล้านบาท
นายเอกชัย สุขุมวิทยา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทในเครือมีภาพความสำเร็จมากขึ้น และกำลังก้าวต่อไปสู่การเติบโตแบบ J Curve ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาเสริมศักยภาพทางธุรกิจ และผนึกกำลังกับพันธมิตรอย่างเปิดกว้างเพื่อต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างโมเดลการเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential Business Model) ร่วมกัน โดยตั้งเป้าภาพรวมกำไรเติบโตไม่น้อยกว่า 50% ต่อปี ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ ปีทีผ่านมา เจ มาร์ท ได้เป็นพันธมิตรกับ กลุ่ม BTS (VGI และ Rabbit Holdings) ในฐานะผู้ลงทุน, ร่วมมือกับ บริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ร่วมพัฒนาช่องทางการขายผลิตภัณฑ์โซลาร์ รูฟท็อป และเข้าไปลงทุนในกลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ นอกจากนี้ ยังมีแผนเข้าลงทุนในบริษัท พีอาร์ทีอาร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการทางด้าน HR Outsource รวมถึงอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทที่สนใจเข้าไปลงทุน 3-4 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ได้ตั้งเป้าภายในปี 2567 จะนำเทคโนโลยีบล็อกเชน บิ้กดาต้า และนวัตกรรมทางดิจิทัลมาใช้ในธุรกิจค้าปลีก พัฒนารูปแบบธุรกิจและผลิตภัณฑ์ธุรกิจการเงินให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุน ลดหนี้ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ตั้งเป้าหมายมูลค่ากิจการรวมกลุ่มบริษัทไปที่ 5 แสนล้านบาทในปี 2567
จัดงบมากกว่าหมื่นล้านบาทลงทุนในช่วง 3 ปี
ในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ เจ มาร์ท ก็มีแผนการที่จะลงทุนในกิจการที่น่าสนใจ โดยได้เตรียมแผนงบประมาณการลงทุนเพิ่มสร้างและขยาย Ecosystem อย่างเต็มที่ ซึ่งจะมีเงินมาจากการออกหุ้นกู้ และการนำกิจการของบริษัทในเครือแยกออกไปเพื่อระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยกิจการที่เจ มาร์ท สนใจเข้าลงทุนจะเป็นกิจการที่เป็น Mass Market เกี่ยวกับคนหรือลูกค้าจำนวนมาก, กิจการเกี่ยวกับเทคโนโลยี และธุรกิจทางด้านการเงิน
สำหรับการใช้งบประมาณเข้าไปลงทุน จะไม่ใช้ให้หมดในครั้งเดียว หรือ ลงทุนครั้งใหญ่มาก ๆ แต่จะเป็นการทยอยใช้ลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องเข้าไปซื้อกิจการทั้งหมด หรือควบคุมกิจการทั้งหมด แต่ตั้งใจที่จะเข้าไปช่วยสร้าง และต่อยอด Ecosystem ให้เติบโตไปร่วมกัน และหากพาร์ทเนอร์ต้องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เจ มาร์ท พร้อมจะช่วยเป็นพาร์ทเนอร์ ในการเติบโตส่งให้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ให้ได้ตามความตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สิ่งที่ต้องการสื่อสารกับผู้บริโภค และผู้ที่เกียวข้องทุกภาคส่วนให้ชัดเจน นั่นก็คือ ต้องการให้ผู้บริโภคทราบว่า เจ มาร์ท ไม่ใช่เพียงร้านขายโทรศัพท์มือถือ แต่เป็น Technology Investment Company เต็มรูปแบบ มีความเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างก้าวกระโดด ดังนั้นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้องค์กรจึงมีความจำเป็นมาก
บริษัทในเครือเจมาร์ท กรุ๊ป
เจ มาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้ง ที่เน้นการลงทุนในธุรกิจค้าปลีก การเงิน และเทคโนโลยี ภายใต้วิสัยทัศน์ “Technology Investment Holding Company” ซึ่งมีบริษัทที่สำคัญในกลุ่มบริษัทดังต่อไปนี้
- เจมาร์ท โมบาย (Jaymart Mobile) แหล่งรวมมือถือทุกแบรนด์ ผลิตภัณฑ์กลุ่มไอทีและอุปกรณ์ดิจิทัลที่หลากหลาย หรือ Gadget Destination ควบคู่ไปกับการให้บริการทางการเงินให้กับลูกค้า: Financial Destination มีเครือข่ายหน้าร้านทั่วประเทศกว่า 300 สาขาและยอดขายกว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี
- เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ผู้นำในอุตสาหกรรมบริหารหนี้ด้อยคุณภาพและการติดตามหนี้ในประเทศไทย พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาด้านการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้า ตั้งเป้าหมายเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 30% ต่อปี
- ซิงเกอร์ ประเทศไทย (SINGER) เจ มาร์ท ถือหุ้น 25% ต้นแบบของธุรกิจขายตรงด้วยสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านและเชิงพาณิชย์ แบรนด์ ซิงเกอร์ ปัจจุบันสาขาย่อยรวมกว่า 5,000 แห่ง และได้ขยายธุรกิจ New S Curve ด้วยการเปิดบริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ผ่านการบริหารของ SG Capital โดยวางเป้าหมายพอร์ตการปล่อยสินเชื่อรถใหม่และสินเชื่อรถทำเงินจะแตะ 15,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2565
- เจ เวนเจอร์ส (JVC) ก่อตั้งขึ้นในปี 2560 ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล เน้น Digital Transformation ด้วยการนำเทคโนโลยี อาทิ บล็อกเชน มาขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงและสร้างการเติบโตให้ เจ มาร์ท กรุ๊ป ในการทำธุรกิจค้าปลีก และการเงินแบบ Decentralized ในปี 2561 บริษัทได้ทำการเสนอขาย Initial Coin Offering (ICO) ในชื่อ JFIN ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ดิจิทัลโทเคนแรกพันธ์ไทย และเป็นรายแรกของบริษัทในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่เชื่อมั่นในเทคโนโลยี และล่าสุดพัฒนา JFIN Chain เป็นบล็อกเชนของตนเอง และใช้ JFIN เป็น Native Token
- เจเอเอส แอสเสท (๋J) เจ มาร์ท กรุ๊ป ถือหุ้น 65.5% ดำเนินธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าสำหรับผู้ค้าปลีกสินค้าไอทีและโทรศัพท์มือถือภายใต้แบรนด์ “IT Junction” การพัฒนาศูนย์การค้าภายใต้แบรนด์ “ เดอะ แจส” “เดอะ แจส เออเบิร์น” “แจส วิลเลจ” และ แจส กรีน วิลเลจ พื้นที่รวมกว่า 75,000 ตารางเมตร และเพื่อตอบรับเมกะเทรนด์สังคมผู้สูงอายุ เจเอเอส แอสเสท ยังได้พัฒนาโครงการ Senera Senior Wellness ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน บนพื้นที่อยู่ติดกับ JAS Green Village และ JAS Green Village ในอนาคตด้วย
- บีนส์ แอนด์ บราวน์ (BB) ดำเนินธุรกิจร้านกาแฟภายใต้แบรนด์ “คาซ่า ลาแปง” (Casa Lapin) เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟพิเศษ หรือ Specialty Coffee ซึ่งปัจจุบันมี 24 สาขา ทั่วกรุงเทพฯ
- บริษัท เคบี เจ แคปิตอล จำกัด (KB J) ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ เจ มาร์ท ได้ร่วมลงทุนกับ KB Kookmin Card บริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายใหญ่จากเกาหลีใต้ เพื่อให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล และตั้งเป้าที่จะก้าวเป็นบริษัท Non Bank 1 ใน 5 ของตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลในประเทศไทย
ทั้งหมดนี้ เป็นการนำเอาใจ ที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจของ Jaymart Group เพราะว่า ใจ นั้นพา เจมาร์ท กรุ๊ป มาได้ไกลมาก จากเดิมมีเพียง 1 บริษัท แต่ 33 ปีผ่านมากลายเป็น Ecosystem ของกลุ่มค้าปลีก และการเงิน ที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 2 แสนล้านบาท