นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครจะจัดงานลอยกระทง ประจำปี 2565 ในพื้นที่หลัก 2 จุด คือ บริเวณสะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี เขตบางพลัด และบริเวณคลองโอ่งอ่าง เขตพระนคร
นายศานนท์ กล่าวว่า งานลอยกระทงกรุงเทพมหานครถูกจัดขึ้นเพื่อสืบสานประเพณีวิถีไทย และวิถีชีวิตของชุมชนที่มีต่อสายน้ำ อันเป็นประเพณีไทยที่ดีงาม และสืบทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครขอให้ประชาชนใช้วัสดุธรรมชาติในการทำกระทง เพื่อลดปริมาณขยะ และร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม
สำหรับพื้นที่หลักในจัดงานลอยกระทงของกรุงเทพมหานครในปี 2565 นี้ มี 2 ที่ คือ บริเวณสะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี จะจัดขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 เวลา 17.00 – 22.00 น. ภายในงานจะมีกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย เช่น การแสดงลำตัด, เพลงเรือ และการแสดงจากศิลปิน เช่น วิด ไฮเปอร์ นอกจากนี้ ภายในงานยังได้มีการจำลองตลาดโบราณย้อนยุค เพื่อให้ประชาชนได้สัมผัสกับของเล่นโบราณ รวมถึงยังมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กรุงเทพมหานคร (Bangkok Brand) ของดี 50 เขต เช่น สินค้าหัตถกรรมและอาหารพื้นบ้าน
สำหรับจุดที่ 2 คือ บริเวณคลองโอ่งอ่าง จะมีการจัดงานตั้งแต่วันที่ 6 – 8 พฤศจิกายน 2565 โดยมีกิจกรรมการแสดงดนตรีไทย, ดนตรีประยุกต์, การแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย, การแสดงจากศิลปินนักร้องนักดนตรี, ฉายหนังกลางแปลง, จุดถ่ายภาพ, จุด Check In, จำหน่ายสินค้าของดีของเขตและชุมชน นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังมีการเปิดสวนสาธารณะ 33 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ให้ประชาชนเข้าไปลอยกระทงด้วย
ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยในการเข้าร่วมกิจกรรมวันลอยกระทงของประชาชน สำนักงานเขตได้บูรณาการทำงานร่วมกับภาคประชาชนและเอกชน ในการจัดงานเทศกาลลอยกระทงในพื้นที่ 50 เขต เพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปลอยกระทงจนถึงเวลา 24.00 น. พร้อมกันนี้ได้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทั้งทางบกและทางน้ำตลอดการจัดงาน
นอกจากนี้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ห้ามไม่ให้มีการจุดพลุ, ดอกไม้เพลิง, ห้ามปล่อยโคมลอย, ห้ามจำหน่ายและห้ามเล่นประทัดจีนทุกชนิด ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม ทางกรุงเทพมหานครยังมีการรณรงค์ 1 กระทง 1 ครอบครัว และมาด้วยกันลอยด้วยกัน 1 กระทง รวมถึงการส่งเสริมให้ใช้กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติและวัสดุที่ย่อยสลายได้ เพื่อช่วยลดปริมาณขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นเหตุสาธารณภัย สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ทางโทรศัพท์สายด่วนหมายเลข 199 และ 1555 ตลอด 24 ชั่วโมง