จันทรุปราคา หรือ จันทรคราส เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติมีชื่ออังกฤษว่า Lunar Eclipse เช่นเดียวกับ สุริยุปราคา ก็เรียกว่า Solar Eclipse ซึ่งทุกวันนี้แทบทุกผู้ทุกคนต่างก็รู้สาเหตุการเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้กันโดยถ่องแท้แล้วว่าเกิดจากโคจรมาซ้อนกันระหว่าง ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และโลกมนุษย์เรานี่แหละ แต่ในยุคโบราณกาลนั้น วิชาวิทยาศาสตร์นั้นยังเข้าไม่ถึงผู้คนหมู่มาก คนเฒ่าคนแก่ในแต่ละภูมิภาคต่างก็ได้รับการปลูกฝังคำสอนจากคนรุ่นก่อนต่อ ๆ กันมาว่า ปรากฏการณ์จันทรุปราคานั้นเป็นลางร้าย จะนำพาเรื่องร้ายมาสู่คนที่พบเห็น และมักจะมีความเชื่อต่าง ๆ กันไปในแต่ละประเทศ
อย่างในเมืองไทยเรานั้น ปู่ย่าตายายก็จะสอนลูกหลานว่า จันทรุปราคานั้นมีอีกเชื่อเรียกว่าปรากฏการณ์ ‘ราหูอมจันทร์’ ตามตำนานปรัมปรา ว่าราหูซึ่งเป็นอสูรนั้นไปแอบดื่มน้ำอมฤตของหมูเทวดา แล้วพระอาทิตย์ และพระจันทร์ ซึ่งเป็นสมาชิกในกลุ่มเทวดาเห็นเข้า ก็เลยไปทูลพระนารายณ์ พอพระนารายณ์ได้รับฟังก็ทรงกริ้ว และลงโทษราหูด้วยการขว้างจักรเข้าใส่จนร่างราหูขาดเป็นสองท่อน ตั้งแต่นั้นราหูก็เคืองแค้นพยาบาท พระจันทร์ และ พระอาทิตย์ และแก้แค้นด้วยการอมพระจันทร์ และพระอาทิตย์เข้าไปในปาก นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ ราหูอมจันทร์ หรือ ราหูอมอาทิตย์
เมื่อเกิดปรากฏการณ์ จันทรุปราคา คนเฒ่าคนแก่ก็จะแนะนำให้ลูกหลาน เคาะหม้อ เคาะกาละมัง ให้เกิดเสียงดัง เพื่อเป็นการไล่ราหูให้คายพระจันทร์ออกมา เชื่อกันว่าราหูอมจันทร์นั้นนำมาถึงความโชคร้ายโดยเฉพาะกับหญิงตั้งครรภ์ นั้นห้ามไม่ให้มามองปรากฏการณ์นี้เลยเชียว ไม่เช่นนั้นลูกที่คลอดออกมาจะตาเหล่ แม้วันนี้เราจะมองความเชื่อเหล่านี้ว่าล้าหลังและช่างงมงาย แต่ในยุคอดีตนั้น ทุกบ้านต่างก็ยึดถือความเชื่อเหล่านี้ไปตาม ๆ กัน และแทบทุกชาติทุกภาษาต่างก็มีความเชื่อเกี่ยวกับจันทรุปราคาต่างกันออกไป จากนี้เราจะหยิบบางความเชื่อแปลก ๆ ของแต่ละท้องถิ่นมาเล่าสู่กันฟังครับ
เสือดำกลืนพระจันทร์
เดวิด เดียร์บอร์น (David Dearborn) นักวิจัยประจำสถาบันห้องทดลองแห่งชาติ ลอว์เรนซ์ ลิเวอร์มอร์ ในแคลิฟอร์เนีย เป็นผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับมุมมองทางด้านดาราศาสตร์ของชนเผ่าอินคา อ้างอิงจากบันทึกของกลุ่มผู้บุกเบิกดินแดนโลกใหม่ชาวสเปน เดีย์บอร์นเกริ่นสั้น ๆ มาก่อนเลยว่า “ชนเผ่าอินคาไม่ได้มองปรากฏการณ์ ‘คราส’ ว่าเป็นเรื่องดีเลย”
ชาวอินคาเชื่อกันว่า ปรากฏการณ์จันทรุปราคานั้น เกิดจากเสือดำขนาดยักษ์กลืนกินพระจันทร์ และการที่เสือดำจู่โจมพระจันทร์ด้วยความรุนแรงนั้น จึงเป็นเหตุให้พระจันทร์หลั่งเลือด นั่นทำให้เรามองเห็นพระจันทร์เป็นสีเลือด ในขณะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง หรือที่เรียกกันว่า “พระจันทร์สีเลือด” หรือ Blood Moon นั่นเอง
ความเชื่อของชาวอินคายังไม่จบแค่นั้น พวกเขาคิดว่าหลังจากเสือดำกลืนพระจันทร์ได้แล้ว มันก็จะตกลงมาบนโลกเราแล้วมากินผู้คนต่อ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เสือดำมุ่งมาที่โลกเรา ชาวอินคาจึงพร้อมใจกันชูหอกเข้าใส่จันทรุปราคาแล้วส่งเสียงโห่ฮาเพื่อไล่เสือ พวกเขายังนำหมามาช่วยไล่ด้วย และบังคับให้หมาเห่าและหอนไปทางพระจันทร์เพื่อขู่เสือดำให้หนีไป
ปีศาจจะปองร้ายพระราชา
ความเชื่อในกลุ่มอารยธรรมเมโสโปเตเมีย มองปรากฏการณ์จันทรุปราคาในแง่ที่ว่า พระจันทร์กำลังโดนทำร้ายโดยกลุ่มปีศาจ 7 ตน ชาวเมโสโปเตเมียเชื่อกันว่า ปรากฏการณ์ใด ๆ ก็ตามที่เกิดบนท้องฟ้ามักจะส่งผลต่อเนื่องมายังอาณาจักรของพวกเขา และพวกเขาก็มองว่า พระราชาก็เปรียบได้ดังตัวแทนของแผ่นดิน ฉะนั้นเมื่อพระจันทร์ถูกทำร้ายนั่นก็อาจจะหมายถึงกษัตริย์ของพวกเขาอาจจะโดนปองร้ายด้วยเช่นกัน
“จากบันทึกของชาวเมโสโปเตเมียนั้น ทำให้เราเชื่อว่าพวกเขามีความสามารถในการทำนายการเกิดจันทรุปราคาล่วงหน้าได้”
อี.ซี. ครัปป์ (E.C. Krupp) ผู้อำนวยการประจำหอดูดาวกริฟฟิธ แคลิฟอร์เนีย กล่าว
ฉะนั้นเมื่อใกล้จะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคา ชาวเมโสโปเตเมียก็จะหาตัวแทนพระราชามาทำหน้าที่แทน เพื่อให้เตรียมรับการจู่โจมจากเหล่าปีศาจ แทนพระราชาตัวจริง
“โดยปกติแล้ว ตัวแทนที่จะมาทำหน้าที่พระราชาชั่วคราวนั้น เอาคนธรรมดาทั่วไปใครก็ได้”
เพราะว่าเป็นการทำหน้าที่ตัวแทนชั่วคราว แต่ในขณะที่อยู่ในตำแหน่งตัวแทนพระราชานั้น เขาจะได้รับการปรนนิบัตเยี่ยงพระราชาเลยจริง ๆ แต่พอปรากฏการณ์จันทรุปราคาได้ผ่านพ้นไปแล้วนั้น
“เชื่อว่าคุณ ๆ ก็คาดเดาได้ ตัวแทนพระราชาก็จะหายสาบสูญไปเลย”
คาดการณ์กันว่าจะโดนกำจัดด้วยการวางยาพิษ
เยียวยาพระจันทร์
หันมาดูความเชื่อของชนเผ่าอินเดียนแดงโบราณในอเมริกากันบ้าง ความเชื่อของชนเผ่าเหล่านี้ค่อนข้างมองโลกในแง่ดีกว่า 2 ความเชื่อก่อนหน้านี้
ชนเผ่าฮูปา (Hupa) เชื่อว่าพระจันทร์เป็นเทพชั้นสูงมีมเหสีถึง 20 นาง และมีสัตว์เลี้ยงเป็นบริวารอีกมากมายหลายตัว สัตว์เลี้ยงระดับเทพก็อย่างเช่น สิงโตภูเขา และ งู แต่พระจันทร์อาจจะมีภารกิจเทพทำให้วุ่นวายมากจนลืมให้อาหารเหล่าสัตว์เลี้ยง ทำให้พวกมันโกรธและทำร้ายพระจันทร์ เป็นเหตุให้พระจันทร์ต้องหลั่งเลือด นั่นทำให้เกิดปรากฏการณ์พระจันทร์สีเลือด แต่เรื่องราวก็คลี่คลายได้ดีเมื่อเหล่ามเหสีทั้ง 20 นาง กรูกันเข้ามาปกป้องพระจันทร์ และเก็บรวบรวมเลือดของพระจันทร์มาใส่คืนสู่ร่าง ทำให้พระจันทร์กลับมีพลานามัยที่แข็งแรง และออกจากคราสกลับมาสว่างสดใส
ยังมีความเชื่อคล้ายกันของชนเผ่าลุยเซโน (Luiseño) ที่ตั้งรกรากกันอยู่ทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย พวกเขาเชื่อว่าปรากฏการณ์จันทรุปราคานั้นสื่อว่า พระจันทร์กำลังป่วยหนัก เป็นภารกิจที่สำคัญของชนเผ่าลุยเซโนที่จะต้องร้องเพลงสวดเพื่อเป็นการขอพรให้พระจันทร์กลับมาแข็งแรงดั่งเดิม
บางความเชื่อยังคงสืบทอดมาจนทุกวันนี้
จาริตา ฮอลบรูค (Jarita Holbrook) นักดาราศาสตร์เชิงวัฒนธรรมแห่งมหาวิทยาลัย เวสเทิร์นเคป ในเบลวิลล์ แอฟริกาใต้ ได้เล่าถึงความเชื่อของชนเผ่าในแอฟริกา
“ความเชื่อนึงที่ฉันชอบมาก เป็นความเชื่อโบราณของชนเผ่าบาตัมมาริบา (Batammariba) ที่อยู่ใน โทโก และ เบนิน”
พวกเขาเชื่อกันว่าปรากฏการณ์จันทรุปราคานั้นเกิดจากการที่พระจันทร์และพระอาทิตย์กำลังต่อสู้กัน จึงเป็นภาระหน้าที่ของชนเผ่าบาตัมมาริบาที่ต้องห้ามทัพ
“พวกเขาเล็งเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้วที่พระจันทร์และพระอาทิตย์ควรจะหันหน้าเข้าหากันและ และยุติข้อพิพาทและความโกรธแค้นที่มีมาแต่ก่อนเก่าเสียที”
“ความเชื่อของชนเผ่านี้ยังคงสืบทอดมาจนทุกวันนี้”
จุดหนึ่งที่เราพอสังเกตได้ว่า ทุกความเชื่อจากทุกมุมโลกนั้น แม้จะมีตำนานเรื่องราวที่แตกต่างกันไป แต่ก็มีจุดหนึ่งที่เหมือนกันคือ พวกเขามอง พระจันทร์ และ พระอาทิตย์ เป็นเทพยดาชั้นสูง และให้ความเคารพสักการะ เช่นเดียวกับคนไทยที่ให้ความเคารพสักการะต่อ ดวงอาทิตย์ และ ดวงจันทร์ แม้จะเรียกดาวต่าง ๆ ว่า ดาวเสาร์ ดาวอังคาร ดาวพลูโต แต่จะใช้คำว่า “พระ” เฉพาะ พระอาทิตย์ และ พระจันทร์ เท่านั้น