16 พ.ย. 65 – บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด สถานทูตฯ ญี่ปุ่น องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan External Trade Organization: JETRO Bangkok) และกลุ่มทรู ผนึกกำลังร่วมจัดกิจกรรมใหญ่ “Rock Thailand #4” นำคณะนักธุรกิจสตาร์ตอัประดับแถวหน้าจากประเทศญี่ปุ่น นำเสนอนวัตกรรมที่ร่วมขับเคลื่อน BCG Model แก่บริษัทชั้นนำของไทย โดย ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นายนิชิมูระ ยาซูโตชิ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น , นายคุโรดะ จุนอิชิโร ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) และ นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำของไทย อาทิ บมจ. ช.การช่าง , บ.ไทยประกันชีวิต , กลุ่มมิตรผล , เอราวัณกรุ๊ป , กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด , ธนาคารกรุงเทพ , เครือสหพัฒน์ , โอสถสภากรุ๊ป , บ.เบอร์ลี่ยุคเกอร์ , บ.เมืองไทย แคปปิตอล ณ ทีดีพีเค แกรนด์ฮอลล์ ทรู ดิจิทัล พาร์ค
‘Rock THAILAND’ เป็นหนึ่งในกิจกรรมความร่วมมือระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นและภาคเอกชนไทย ภายใต้โครงการ Open Innovation Columbus (OIC) ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้สถานทูตญี่ปุ่นฯ และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) ได้นำนักธุรกิจสตาร์ตอัปจากญี่ปุ่นรวม 9 บริษัทมานำเสนอธุรกิจของตนเอง (Pitching) ต่อบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่และพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งล้วนเป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อน BCG Economy Model ตอบโจทย์การฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ครอบคลุม และสมดุล โดยเน้นการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจ เพิ่มมูลค่า ลดความสูญเสีย และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้น
ฯพณฯ นายนิชิมูระ ยาซูโตชิ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งมีความท้าทายอย่างมากของภาคธุรกิจ โดยภาคธุรกิจจะต้องร่วมมือกับกลุ่มสตาร์ตอัปในการพัฒนา deep tech เพื่อพัฒนาธุรกิจสีเขียวให้มากขึ้น ขณะเดียวกันประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่สำคัญมากในการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจในหลายภาคส่วน ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือต้องตั้งเป้าหมายเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนผ่าน “การร่วมสร้างสรรค์” หรือ co-creation โดยรัฐบาลญี่ปุ่นจะขยายทุนส่งเสริมสตาร์ตอัปที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่นกว่า 500 ล้านบาท และจัดสรรงบอีก 1.3 พันล้านบาทในการพัฒนาธุรกิจที่ยกระดับห่วงโซ่อุปทานภูมิภาคนี้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งรวมไปถึงการส่งเสริมด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นและธุรกิจของไทยผ่านองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯด้วย
สตาร์ตอัปชั้นนำจากญี่ปุ่น 9 แห่งที่มาร่วมงาน Rock Thailand #4 เป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ขับเคลื่อน BCG Economy Model 4.0 ได้แก่
Milk. Inc บริษัทด้านเทคโนโลยีการแพทย์ ผู้พัฒนาระบบวินิจฉัยโรคมะเร็งโดยใช้กล้องไฮเปอร์สเปกตรัม ซึ่งได้รับการยืนยันแล้วว่าระบบมีความแม่นยำมากกว่า 90% สำหรับการวินิจฉัยเซลล์มะเร็ง 7 ชนิด และขณะนี้บริษัทกำลังทำงานร่วมกับบริษัทต่าง ๆ และระดมทุนเพื่อนำเทคโนโลยีไปใช้จริงภายในสิ้นปีค.ศ. 2023
MiCAN Technologies Inc. บริษัทสตาร์ตอัปแห่งเดียวในโลกที่พัฒนาชุดตรวจสอบเพื่อคาดการณ์ความรุนแรงของโรคไข้เลือดออกผ่านเซลล์เม็ดเลือดแดงด้วยเทคโนโลยีสเต็มเซลล์ MiCAN ยังทุ่มเทหาทางแก้ปัญหาโรคติดเชื้อต่าง ๆ โดยเฉพาะเชื้อโรคในเขตร้อน
Zeroboard. Inc บริษัทชั้นนำที่ให้บริการระบบคลาวด์ด้านการคำนวณและใช้เทคนิคการสร้างภาพ (visualization) การปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยบริษัทสามารถคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทได้อย่างง่ายดายผ่านโปรแกรม “zeroboard” และคำนวณสำหรับห่วงโซ่อุปทานตามมาตรฐานสากลที่เรียกว่า “GHG Protocol”
Naturanix Co., Ltd. พัฒนาชุดแบตเตอรี่ชาร์จเร็วพิเศษและสถานีชาร์จแห่งแรกของโลกโดยใช้เทคโนโลยี e-mobility ของญี่ปุ่น ส่งผลให้ใช้เวลาในการชาร์จ e-mobility น้อยกว่า 3 นาที ในปี 2024 มีแผนสร้างโรงงานประกอบแบตฯในไทย และจะกระจายสินค้าไปทั่วโลก
Algal Bio Co., Ltd. แพลตฟอร์มโรงหล่อชีวภาพสาหร่ายพร้อมด้วยคลังสายพันธุ์สาหร่ายเข้มข้น รวมถึงเทคโนโลยีการคัดกรองและเพาะปลูกสำหรับบริษัทต่าง ๆ ที่นำสาหร่ายไปใช้ในอุตสาหกรรมหรือนำไปประยุกต์ใช้งานด้านต่าง ๆ มีคลังข้อมูลของแต่ละสายพันธุ์ เริ่มทำการเพราะพันสาหร่ายได้ในปริมาณมาก จนจดสิทธิบัตรได้ และมีโรงงานผลิตในปริมาณมากได้ โดยสาหร่ายใช้คาร์บอนฯ สังเคราะห์แสงมากกว่าพืชอื่น ๆ ถึง 4 เท่า ล่าสุดได้เริ่มผลิตอาหารเสริมช่วยปรับคุณภาพการนอนและลดความเครียด เตรียมออกสู่ตลาดในเดือนธันวาคม 2565
AI inside Inc. นำเสนอบริการสร้าง ใช้ และแบ่งปัน AI ด้วยเครื่องมือ AI-OCR ที่มีส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมี AI จำแนกตัวหนังสือแบบพิมพ์หรือลายมือ นำเข้าสู่ระบบได้แบบแม่นยำ ช่วยลดเวลา Key-in ข้อมูลได้ ปัจจุบันมี Market Share ที่ญี่ปุ่น มากกว่า 64% ใช้งานง่าย จำแนกตัวอักษรแม่นยำ และมีความปลอดภัย ที่สำคัญคือ AI เรียนรู้ภาษาไทยได้แล้ว นอกจากนี้ยังเป็นแพลตฟอร์มการพัฒนาและปฏิบัติการ AI แบบ no-code
Liberaware Co., Ltd. ให้บริการธุรกิจ DX สำหรับการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการการบำรุงรักษา โดยวิเคราะห์ภาพที่รวบรวมจากโดรนตรวจสอบขนาดเล็ก ซึ่งทำให้ได้ข้อมูลในสภาพแวดล้อมที่ “แคบ มืด และสกปรก” ได้ เพราะใช้โดรนขนาดจิ๋ว ขนาด 20×20 เซ็นติเมตร เข้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมจำลองภาพพื้นที่เป็นแบบ 3 มิติ เป็นซอฟท์แวร์ที่ออกแบบเอง
Zip Infrastructure, Inc. ที่พัฒนา “Zippar” กระเช้าลอยฟ้าในเมืองแบบขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ที่มีความยืดหยุ่นสูง คุ้มค่า และสะดวกสบาย เพื่อแก้ปัญหารถติดโดยเฉพาะในไทย โดย Rope way Zippar สามารถทลายข้อจำกัดในการเดินทางผ่านทางโค้งได้แล้ว ต้นทุนการผลิตเพียงแค่ 300 ล้านบาทต่อ 1 กม. ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 1 ปี ประหยัดกว่าหากเทียบกับการก่อสร้างรถไฟฟ้า ที่ใช้งบประมาณ 2,500 ล้านบาทต่อ 1 กม. ซึ่งใช้เวลาสร้างสร้าง 5-10 ปี
Neural Group (Thailand) Co., Ltd. ให้บริการระบบกล้อง Edge AI เป็นทางออกสำหรับเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) AI solutions สามารถสร้างภาพการใช้งานที่จอดรถ ตรวจจับการสัญจรไปมาของผู้คน พฤติกรรมของผู้คน และอื่น ๆ ได้แบบเรียลไทม์ และเมื่อได้ข้อมูลก็นำมาวิเคราะห์การแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ในส่วนของบริษัทชั้นนำของไทยที่มาร่วมงาน Rock Thailand #4 มีอาทิ บมจ.ช.การช่าง บ.ไทยประกันชีวิต กลุ่มมิตรผล เอราวัณ กรุ๊ป กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ธนาคารกรุงเทพ เครือสหพัฒน์ โอสถสภากรุ๊ป บ.เบอร์ลี่ยุคเกอร์ บ.เมืองไทย แคปปิตอล โดยรูปแบบการจัดงานครั้งนี้เป็นลักษณะ hybrid ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทไทยและบริษัทญี่ปุ่นได้พัฒนาเป็นหุ้นส่วนการร่วมสร้างสรรค์ (co-creation) ซึ่งจะนำไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนของทั้งสองประเทศต่อไป