เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ตำรวจสืบสวนนครบาล พร้อมด้วยตัวแทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค, กรมสรรพากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำหมายค้นเข้าตรวจสอบภายในที่ตั้งของสำนักงาน บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบออนไลน์ ‘กองสลากพลัส’
ทั้งนี้ การเข้าตรวจค้นดังกล่าว เนื่องจากได้รับร้องเรียนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่มาแจ้งความกับตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. ว่าพบ ‘กองสลากพลัส’ มีพฤติการณ์ขายสลากเกินราคา และมีจำนวนสลากมาก คาดว่าเกิดจากการกว้านซื้อ เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน ซึ่งทางสำนักงานสลากฯ ยืนยันว่ากองสลากพลัสไม่ได้รับสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากฯ จึงมีการขอหมายค้นเข้าตรวจสอบดังกล่าว
สำหรับการตรวจค้นในครั้งนี้ สำนักงานสลากฯ จะร่วมเข้าไปตรวจสอบสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน 11 ล้านใบว่าเป็นสลากของจริงหรือไม่ หากพบว่าเป็นสลากจริงก็จะตรวจสอบเพิ่มว่ามีที่มาจากแหล่งใด เพื่อดำเนินการยกเลิกสัญญา หรือสิทธิการเป็นผู้ซื้อจอง-ล่วงหน้าฯ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามสัญญา และหลักเกณฑ์ในการรับสลากไปจำหน่าย
ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ขายจะต้องไม่ขายสลากเกินราคาที่กำหนดไว้ในสลาก ไม่ว่าจะเป็นการขายโดยเรียกร้องให้ผู้ซื้อ ซื้อสิ่งของอื่นรวมอยู่ด้วยหรือไม่ และรวมทั้งการร้องขอประโยชน์ในลักษณะอื่นใด ถ้าผู้ขายฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามให้ถือว่าผิดสัญญา รวมถึงการนำสลากของตนไปขายให้แก่ผู้อื่น เพื่อนำไปรวมชุด หรือแลกเปลี่ยนสลากกับผู้อื่น หรือหากตรวจพบว่าสลากของผู้ขายไปวางไว้ เพื่อเตรียมจำหน่ายที่จุดจำหน่ายของผู้อื่น นอกเหนือจากจุดที่ได้ระบุไว้ ให้สันนิษฐานว่าไม่ได้ขายสลากด้วยตนเอง และถือว่าเป็นการผิดสัญญา
โดยสำนักงานสลากฯ มีสิทธิบอกเลิกสัญญา หรือยกเลิกสิทธิการเป็นผู้ลงทะเบียนซื้อ-จองล่วงหน้าได้ทันที รวมถึงสลากในส่วนของสมาคมหรือองค์กร สำนักงานสลากฯ จะยกเลิกสิทธิในการรับสลากไปจำหน่ายของสมาชิกในสมาคมหรือองค์กรนั้น ๆ ทันทีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การตรวจค้นการจำหน่ายสลากครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อต้องการแก้ปัญหาสลากเกินราคา และการจำหน่ายสลากแบบผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ได้มีเจตนาจะเข้าไปตัดสิทธิตัวแทนจำหน่าย แต่การตัดสิทธิเป็นผลที่จะต้องดำเนินการ เมื่อพบความผิดตามมา เพราะหากไม่ดำเนินการตัดสิทธิ จะถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้
ทางด้าน พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำหรับการดำเนินการกับแพลตฟอร์มเอกชนที่จำหน่ายสลากฯ เกินราคาที่กำหนดนั้น ไม่ว่าจะรวมค่าบริการเพิ่มเติมหรือไม่ก็ตาม ทางสำนักงานสลากฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ในความผิดฐานขายสลากเกินราคาแล้ว
ปัจจุบัน ศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายฯ (ปิดเว็บไซต์) ไปแล้ว 12 แพลตฟอร์ม, กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการอุทธรณ์ โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 2 แพลตฟอร์ม และอยู่ระหว่างการไต่สวนของศาล จำนวน 1 ราย
ขณะเดียวกัน สำนักงานสลากฯ ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และขอยืนยันว่า สำนักงานสลากฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับกองสลากพลัส รวมถึงไม่เคยให้สิทธิ์ในการจำหน่ายสลากฯ นอกจากนี้ การขายสลากฯ ของแพลตฟอร์มดังกล่าว ก็ไม่สามารถควบคุมผู้ซื้อที่อายุต่ำกว่า 20 ปีได้อีกด้วย
สำหรับกรณีการโฆษณาทางสื่อต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลเคยมีมติ ครม. เมื่อปี 2551 ที่ห้ามโฆษณาจูงใจให้ประชาชนเนื่องจากไม่ต้องการส่งเสริมการพนัน แต่ปรากฏว่ายังมีการโฆษณาของกองสลากพลัส โดยทางสำนักงานสลากฯ ได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ควบคุมดังกล่าวแล้ว
“ในส่วนของการดำเนินการแก้ปัญหาสลากเกินราคาและแพลตฟอร์มเอกชนต่าง ๆ นั้น สำนักงานสลากฯ จะมีการดำเนินการอย่างจริงจังในทุกฐานความผิดจากทุกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการยกเลิกสัญญาตัวแทนจำหน่าย ตลอดจนยกเลิกสิทธิในการทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ตลอดชีพโดยไม่มีข้อยกเว้น” ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ กล่าว
ส่วนการจำหน่ายสลากดิจิทัลผ่านแอปฯ เป๋าตัง ของสำนักงานสลากฯ นั้น เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน มีการยืนยันตัวตนผู้ใช้งานผ่านบัตรประชาชนก่อนซื้อ สามารถป้องกันผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้ามา
ซื้อสลาก และมีการขออนุญาตประกอบธุรกิจตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 โดยสลากทุกใบในแอปฯ เป๋าตังเป็นของตัวแทนรายย่อย และทุกใบราคา 80 บาท