เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีคลิปวิดีโอของกลุ่มวัยรุ่นในร้านซูชิสายพานที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น การเอาน้ำลายใส่อาหาร, การเลียปากแก้วน้ำ หรือแม้แต่การเอาขวดโชยุไปใส่จมูก! ซึ่งคลิปวิดีโอดังกล่าวชวนให้คลื่นไส้เป็นอย่างมากสำหรับลูกค้าของร้านซูชิสายพาน และไม่ไว้วางใจร้านอาหารดังกล่าวไปโดยปริยาย
ภายหลังร้านซูชิสายพานซูชิโร่ (Sushiro) ซึ่งเป็นร้านที่ปรากฎในคลิปวิดีโอนั้น ประกาศว่าได้ดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นและครอบครัวของพวกเขาแล้ว โทษฐานทำให้ร้านเสื่อมเสียชื่อเสียงและกระทบต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจ โดยราคาหุ้นร่วงแบบเทกระจาด และจำนวนลูกค้าหดหายอย่างรุนแรง แม้ว่าทางร้านซูชิโร่จะปรับรูปแบบการให้บริการเป็นสั่งอาหารและเสิร์ฟถึงโต๊ะแทนแล้วก็ตาม
สิ่งที่เกิดขึ้นกับร้านซูชิโร่ได้สร้างความกังวลใจให้กับลูกค้าของร้านซูชิสายพานทั้งอุตสาหกรรม จนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องออกมาช่วยกันแก้ไขปัญหานี้ ล่าสุด ดูเหมือนว่าพวกเขาพยายามจะเรียกความเชื่อมั่นของลูกค้ากลับมาด้วยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือว่า AI ได้แล้ว
‘คุระซูชิ’ (Kura Sushi) หนึ่งในเชนร้านซูชิสายพานของญี่ปุ่น เตรียมที่จะติดตั้งกล้องที่ทำงานร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ ในการตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัยของลูกค้า
ตามปกติแล้วร้านคุระซูชิ จะเสิร์ฟอาหารบนสายพานแบบมีฝาใสครอบ โดยลูกค้าจะเปิดฝาครอบแล้วนำอาหารที่เลือกออกไปจากถาด จากนั้นก็ปิดฝาลง ด้วยรูปแบบการให้บริการนี้ทำให้ร้านคุระซูชิ เริ่มติดตั้งกล้องที่ทำงานร่วมกับปัญญาประดิษฐ์มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 แล้ว แต่ปัญญาประดิษฐ์ดังกล่าวถูกฝึกมาเพื่อการนับจานและจำนวนอาหารบนสายพานเท่านั้น
ล่าสุด ร้านคุระซูชิเตรียมพัฒนาความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ให้เพิ่มมากขึ้น ด้วยการสอนให้ AI ตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัยได้ เช่น การเปิด-ปิดฝาครอบอาหารซ้ำ ซึ่งหาก AI ตรวจพบพฤติกรรมดังกล่าว สำนักงานใหญ่จะติดต่อไปยังร้านอาหารและพนักงานว่า พวกเขาพบความเป็นไปได้ว่ามีลูกค้ากำลังทำพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ และพนักงานที่ร้านจะเข้าไปพูดคุยกับลูกค้า หรือรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวกับตำรวจทันที
การก่อการร้ายในร้านซูชิสายพานของกลุ่มวัยรุ่นได้สร้างความกังวลใจไปทั่วประเทศ และทำให้อุตสาหกรรมนี้กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องด้วยเหตุผลทางด้านสิ่งแวดล้อม ร้านซูชิสายพานหลายแห่งได้ยกเลิกการใช้ฝาครอบพลาสติกใสไป แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาอาจต้องนำมันกลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
ที่มา : Digitaltrends, Japan News
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส