สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา (เวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) โฆษกกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ (HHS) และคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ทุ่มเงินกว่า 5,000 ล้านเหรียญ (ราว 171,130 ล้านบาท) เพื่อเร่งพัฒนายารักษาโรคโควิด-19 และวัคซีนป้องกันชุดใหม่
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวมีชื่อว่า “Project NextGen” ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างการป้องกันโรคโควิด-19 ให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการรับมือกับเชื้อโคโรนาไวรัส ซึ่งอาจกลายเป็นภัยคุกคามในอนาคต ผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการปรับปรุงและพัฒนาวัคซีนรุ่นต่อไป รวมถึงการรักษาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
โฆษกของ HHS ระบุว่า แม้ว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในปัจจุบันยังคงมีประสิทธิภาพอย่างมากในการป้องกันการเจ็บป่วยที่รุนแรงและการเสียชีวิต แต่กลับไม่สามารถลดการติดเชื้อและการแพร่เชื้อได้เมื่อเวลาผ่านไปได้ เนื่องจากมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และภูมิคุ้มกันเองก็จะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งเรื่องเหล่านี้อาจกลายเป็นภัยคุกคามในอนาคต
รายงานข่าวระบุว่า คณะบริหารของ ปธน.ไบเดน จะลงทุนอย่างน้อย 5,000 ล้านเหรียญ ในการร่วมมือกับภาคเอกชน ซึ่งเป็นแนวทางที่คล้ายคลึงกับโครงการ “Operation Warp Speed” ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เร่งการพัฒนาและการแจกจ่ายวัคซีนเมื่อปี 2020
โฆษกของ HHS ยังระบุว่าด้วยงบประมาณดังกล่าว โครงการ Project NextGen จะดำเนินการครอบคลุมทุกขั้นตอนของการพัฒนา ตั้งแต่การวิจัยในห้องปฏิบัติการ การทดลองทางคลินิกไปจนถึงการส่งมอบ โดยจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างโมโนโคลนอลแอนติบอดีที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ซึ่งต้านทานต่อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ เช่นเดียวกับวัคซีนในวงกว้างที่สามารถป้องกันเชื้อโคโรนาไวรัสหลายชนิด
ที่มา : Reuters
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส