เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา เครื่องบินเล็ก Cessna 206 ได้บินขึ้นจากเมืองอารารากวารา (Araracuara) ในรัฐอามาโซนัส ประเทศบราซิล มุ่งหน้าไปยัง ซานโฮเซเดลกัวเบียเร (San José del Guaviare) ประเทศโคลอมเบีย ระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร บนเครื่องประกอบไปด้วยนักบิน ผู้ช่วยนักบิน แม่เด็กวัย 33 ปี และลูก ๆ ทั้ง 4 คน ขณะที่เครื่องบินอยู่เหนือผืนป่าแอมะซอน นักบินก็ได้แจ้งสัญญาณฉุกเฉินว่าเครื่องยนต์ขัดข้อง ก่อนเครื่องจะหายไปจากจอเรดาร์ และตกลงท่ามกลางป่าทึบแอมะซอน

ซากเครื่อง Cessna 206 ที่ตกกลางป่าแอมะซอน

เจ้าหน้าที่ทหารโคลอมเบียลงพื้นที่ค้นหาผู้รอดชีวิต ผ่านไป 2 สัปดาห์ เจ้าหน้าที่ก็พบซากเครื่องบินอยู่ในพื้นที่ป่าจังหวัดคาควอต้า (Caquetá) ห่างจากซานโฮเซเดลกัวเบียเร ที่เป็นจุดหมายปลายทางถึง 175 กม. เจ้าหน้าที่พบร่างของนักบิน ผู้ช่วยนักบิน และแม่ของเด็ก ๆ ที่เสียชีวิตในพื้นที่ใกล้เคียงที่เครื่องตก แต่ไม่พบตัวเด็ก ๆ ทั้ง 4 คนเป็นพี่น้องกัน ประกอบไปด้วย เลสลี่ วัย 13 ปี, โซเลนี วัย 9 ปี, เทียน โนเรียล วัย 4 ปี และ คริสติน หนูน้อยวัย 11 เดือนเท่านั้น ทั้งสี่คนเป็นชาวพื้นเมืองเผ่าฮุยโตโต เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าเด็กทั้งสี่น่าจะเดินหนีจากซากเครื่องบินเข้าไปในป่าฝนเพื่อหาความช่วยเหลือ

สภาพภายในผืนป่าแอมะซอน

จึงมีการระดมกำลังครั้งใหญ่เพื่อหาตัวเด็ก ๆ ตั้งชื่อปฏิบัติการค้นหาว่า “Operation Hope” ประกอบไปด้วยทหาร 150 นายและอาสาสมัครกว่า 200 คน เป็นชาวบ้านในท้องถิ่น และสุนัขเลี้ยงแกะอีก 10 ตัว กระจายกำลังออกค้นหาครอบคลุมพื้นที่กว่า 323 ตารางกิโลเมตร ระหว่างทำการค้นหา “วิลสัน” หนึ่งในสุนัขที่ร่วมปฏิบัติการก็หายไปอีก 1 ตัว

ท่ามกลางความหวังที่ริบหรี่ พลันเจ้าหน้าที่ก็พบสัญญาณที่เป็นข่าวดี เมื่อพบข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เด็ก ๆ ทิ้งไว้ตามทาง เช่นขวดน้ำดื่ม กรรไกรเล็ก ๆ ผ้าผูกผม ผ้าอ้อมที่ใช้แล้ว และเพิงที่เด็ก ๆ ก่อกันเองเพื่อใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราว เจ้าหน้าที่ยังพบรอยเท้าของเด็ก ๆ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่าหนูน้อยทั้งสี่ยังรอดชีวิต

รอยเท้าของเด็ก ๆ สัญญาณบอกว่าเด็ก ๆ ยังมีชีวิตอยู่

ด้วยเหตุที่เด็ก ๆ เป็นชนพื้นเมืองฮุยโตโต ได้รับการถ่ายทอดความรู้ในบรรดาชนเผ่าในเรื่องทักษะการเอาชีวิตรอดในป่า และชนิดของผลไม้ที่หากินเพื่อประทังชีวิตได้ ชาวเผ่าฮุยโตโตบางคนก็เข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาด้วย มีการนำเครื่องบินขึ้นค้นหาทางอากาศหลายต่อหลายครั้ง เจ้าหน้าที่ยังเปิดเสียงจากคุณย่าของเด็ก ๆ ออกลำโพงกระจายเสียงจากบนเครื่องบินเป็นภาษาฮุยโตโต ใจความว่า ขอให้เด็ก ๆ หยุดเคลื่อนที่เพื่อทีมค้นหาจะได้พบตัวได้ง่ายขึ้น

สุนัขค้นหาเจอกรรไกรเล่มจิ๋ว

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมขณะที่เหล่าทหาร เจ้าหน้าที่กู้ภัย และชนพื้นเมืองได้ร่วมการค้นหาตัวเด็ก ๆ กันอย่างไม่ลดละนั้น ประธานาธิบดีโคลอมเบียก็ทวีตว่า “พบตัวเด็ก ๆ แล้ว” แล้วประธานาธิบดีก็รีบลบข้อความออกในวันรุ่งขึ้น อ้างว่าเขาได้รับข่าวมาจากหน่วยงานสวัสดิการเด็ก แต่เป็นข่าวที่ไม่ได้รับการยืนยัน การแจ้งข่าวที่บิดเบือนในขณะที่ชาวโคลอมเบียกำลังติดตามอย่างจดจ่อนั้น ทำให้ประธานาธิบดีโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

Magdalena Mucutuy Valencia คุณแม่ที่เสียชีวิต กับ เทียน โนเรียล หนูน้อยวัย 4 ขวบ

แต่เด็ก ๆ ทั้งสี่ก็ยังคงเคลื่อนที่ไปตลอดเวลา ทำให้การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบากมากขึ้น และยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ความหวังในการค้นหาดูริบหรี่ลงเรื่อย ๆ อย่างเช่นการพบค่ายร้างของกลุ่มกบฏ ทำให้เจ้าหน้าที่หลายคนขอถอนตัวออกจากปฏิบัติการ เหตุเพราะมีข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกลุ่มกบฏในพื้นที่เดียวกัน เที่ยวบินที่ออกค้นหาก็ลดรอบบินในแต่ละวันลง ฐานปฏิบัติการร่วมในซานโฮเซเดลกัวเบียเรก็ยกเลิก

แต่กระนั้น นายพลจัตวาเปโดร ซานเซซ ก็ยังประกาศด้วยความเชื่อมั่นว่า เด็ก ๆ ยังคงมีชีวิตอยู่ แต่การค้นหาตัวดำเนินไปด้วยความยากลำบากนั้นเพราะเด็ก ๆ ไม่หยุดอยู่กับที่
“นี่มันเปรียบไม่ได้เลยกับการหาเข็มในกองฟาง ต้องเปรียบเป็นการหาตัวหมัดในพรมผืนใหญ่ เพราะพวกเขาเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา พระเจ้ายังไม่อนุญาตให้พวกเขาตายหรอก เพราะถ้าตายแล้ว เราก็คงพบแล้วล่ะ เพราะพวกเขาจะหยุดอยู่กับที่”

สภาพเด็ก ๆ เมื่อถูกพบตัว

หลังปฏิบัติการค้นหาผ่านไปถึง 40 วัน ด้วยความหวังที่มืดมน จนกระทั่งช่วง 17:00 น. ของวันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน ก็มีเสียงผ่านทางวิทยุของหน่วยค้นหาว่า “ปาฏิหาริย์! ปาฏิหาริย์! ปาฏิหาริย์! ปาฏิหาริย์!”
เจ้าหน้าที่ทหาร 10 นาย และอาสาสมัครพื้นเมือง 8 คน ได้ค้นพบเส้นทางเดินเท้าของเด็ก ๆ จึงเดินตามร่องรอยนั้นไปแล้วในที่สุดก็พบเด็ก ๆ ทั้งสี่อยู่ด้วยกันในพื้นที่เปิดโล่ง เด็ก ๆ อยู่ในสภาพขาดสารอาหารและตามตัวก็มีร่องรอยถูกแมลงกัดต่อย แต่ไม่มีคนไหนที่อยู่ในสภาพอาการที่น่าเป็นห่วง และหนูน้อยคนเล็กสุดก็ได้ฉลองวันเกิดปีแรกในป่า การเด็กทั้งสี่ยังมีชีวิตรอดนับเป็นการแสดงให้เห็นซึ่งทักษะการเอาชีวิตรอดที่น่าทึ่ง เพราะเด็ก ๆ ต้องเผชิญกับพายุหนักท่ามกลางพื้นที่ที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ เป็นที่อยู่ของสัตว์ร้ายและกองกำลังติดอาวุธ

หลังพบตัวเด็ก ๆ แล้ว เจ้าหน้าที่หน่วยค้นหาก็ได้ทวีตภาพของเหล่าทหารและอาสาสมัครพร้อมกับเด็ก ๆ ทั้งสี่ ซึ่งถูกห่อตัวด้วยผ้าห่ม ทหารนายหนึ่งกำลังป้อนน้ำให้กับเด็กคนเล็กสุด
“ในที่สุดความพยายามของพวกเราก็ทำให้เรื่องนี้เป็นไปได้” ข้อความที่ทหารทวีตไปพร้อมกับภาพ

กุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีโคลอมเบีย

กุสตาโว เปโตร (Gustavo Petro) ประธานาธิบดีโคลอมเบียกล่าวว่า
“พวกเขาได้มอบบทเรียนอันน่าทึ่งของการเอาชีวิตรอดซึ่งจะถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ และนับเป็นเรื่องราวที่น่ายินดีสำหรับคนทั้งประเทศนี้”

เชื่อกันว่า ปัจจัยสำคัญที่เหล่าหนูน้อยรอดชีวิตมาได้เพราะพวกเขากินอาหารจากถุงยังชีพที่หน่วยค้นหาทิ้งจากเครื่องบินลงไปในป่า บวกกับทักษะการเอาชีวิตรอดภายในป่าที่ได้รับถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ
จอห์น โมเรโน ผู้นำชนเผ่า Vaupes ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง กล่าวว่า
“ที่นี่นับเป็นผืนป่าอันบริสุทธิ์ รกทึบและเต็มไปด้วยอันตราย……………แต่พวกเขาก็ได้ใช้ความรู้ที่ถ่ายทอดกันภายในชนเผ่า ความรู้จากบรรพบุรุษ ที่ช่วยให้เอาชีวิตรอดมาได้”

หลังได้รับการพบตัวแล้ว เด็ก ๆ ก็ถูกส่งตัวเข้าเมืองซานโฮเซเดลกัวเบียเร เพื่อไปตรวจสุขภาพร่างกายและประเมินสภาพจิต

ที่มา : theguardian dailymail insider BBC