ตามที่ น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ได้รายงานข่าวและเปิดคลิปวิดีโอบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้น บมจ.ไอทีวี ที่มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบว่าไม่ตรงกับเอกสารบันทึกการประชุม ในรายการข่าว 3 มิติ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2566
โดยเนื้อหาในคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นบันทึกการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 บมจ.ไอทีวี เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 โดยนายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานที่ประชุม ได้เปิดให้ผู้ถือหุ้นซักถาม จากนั้นได้อ่านคำถามของผู้ถือหุ้นรายหนึ่งว่า “มีคำถามมาจากคุณภานุวัฒน์ ขวัญยืน มาด้วยตัวเองนะครับ มีการดำเนินกิจการเกี่ยวกับสื่อหรือทีวีไหมครับ” ซึ่งนายคิมห์ตอบกลับว่า “ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ นะครับ ก็รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อนนะครับ”
ทั้งนี้ เอกสารบันทึกการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 บมจ.ไอทีวี เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ได้บันทึกคำถามของ นายภานุวัฒน์ ขวัญยืน ระบุว่า “บริษัท ไอทีวี มีการดำเนินงานเกี่ยวกับสื่อหรือไม่” เช่นเดียวกัน แต่คำตอบที่บันทึกคือ “ปัจจุบัน บริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และมีการส่งงบการเงิน และยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ” ซึ่งขัดแย้งกับคลิปวิดีโอดังกล่าว
ล่าสุด วันนี้ (12 มิ.ย. 66 ) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล จัดงานแถลงข่าวชี้แจงเกี่ยวกับการครอบครองหุ้น บมจ.ไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวขัดแย้งกับเอกสารบันทึกการประชุมที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566
อ่านฉบับเต็ม : รายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) วันที่ 26 เมษายน 2566 (คลิกที่นี่)
โดย นายชัยธวัช ระบุว่า ก่อนหน้าที่ นายเรืองไกร จะนำเอกสารบันทึกการประชุมดังกล่าวยื่นร้องต่อ กกต. ให้ตรวจสอบการครอบครองหุ้น บมจ.ไอทีวี ของหัวหน้าพรรคก้าวไกลนั้น นายนิกม์ แสงศิรินาวิน ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 บมจ.ไอทีวี 2 วันว่า “นักการเมืองที่กำลังถือหุ้น ITV เตรียมตัวประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี และมอบตัว กกต. ด้วยนะครับ หัวหน้าพรรคหนึ่งถือ 42,000 หุ้น”
นายชัยธวัชจึงตั้งข้อสังเกตว่า การกระทำดังกล่าวมีการวางแผนให้ นายภานุวัฒน์ ขวัญยืน ผู้ตั้งคำถามในที่ประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี เพื่อต้องการให้ผู้บริหารของไอทีวีตอบว่าบริษัทยังดำเนินกิจการสื่อมวลชนอยู่ใช่หรือไม่ แต่เมื่อนายคิมห์ตอบปฎิเสธในที่ประชุม กลับมีเอกสารบันทึกการประชุมที่ระบุว่า ไอทีวียังดำเนินกิจการสื่ออยู่ ซึ่งพฤติการณ์เช่นนี้เข้าข่ายการทำรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นเท็จหรือไม่ และถือเป็นการทำผิดกฎหมายอีกหลายฉบับใช่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ นายชัยธวัช ได้เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจใน บมจ.ไอทีวี รวมทั้งกรรมการผู้สอบทานและแก้ไขรายงานการประชุมออกมาตอบคำถามสังคมให้ชัดเจน
นอกจากนี้ นายชัยธวัช ยังระบุอีกว่า พฤติการณ์ดังกล่าวอาจเป็นความพยายามในการสกัดกั้นการจัดตั้งรัฐบาลตามฉันทานุมัติของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง และอาจเข้าข่ายกระทำการอันเป็นเท็จ เพื่อจะกลั่นแกล้งให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งมีความผิดตาม ม.143 ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
สำหรับในอนาคต กรณีที่ กกต. อาจจะดำเนินคดีกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตามความผิดฐานรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. นั้น พรรคก้าวไกลมั่นใจว่าข้อกล่าวหานี้ไม่มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอ เช่นเดียวกับการที่อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ในคดีครอบครองหุ้นวีลัค
ที่มา : พรรคก้าวไกล