เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา (ตามเวลาจีน) เกิดเหตุแก๊สระเบิดในร้านปิ้งย่างแห่งหนึ่งในเมืองอิ๋นชวน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 31 คน และผู้บาดเจ็บอีก 7 คน ยังคงรับการรักษาแผลไฟไหม้และบาดแผลจากเศษแก้ว โดยสาเหตุของแก๊สระเบิดนั้นมีที่มาจากการรั่วไหลของปิโตรเลียมเหลว
เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุสลดนั้นพนักงานร้านอาหาร 2 คนได้กลิ่นแก๊สประมาณ 1 ชั่วโมง โดยพบว่าวาล์วถังแก๊สแตกและเกิดระเบิดขึ้นขณะที่กำลังเปลี่ยนวาล์ว ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้เกี่ยวข้อง 9 คน รวมถึงผู้จัดการร้าน พนักงาน และผู้ถือหุ้นของร้าน พร้อมอายัดทรัพย์สินทั้งหมดแล้ว
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนช่วงเทศกาลแข่งเรือมังกร ที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวหลายล้านคนออกเดินทางนอกบ้านและร้านอาหารหลายร้านถูกจองคิวแน่น ส่งผลให้กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนออกหนังสือเวียนฉุกเฉิน เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานท้องถิ่นทั้งหมดดำเนินการตรวจสอบ “อันตรายที่ซ่อนเร้น” และเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลและการตรวจสอบร้านอาหาร
ต่อมาในวันที่ 22 มิถุนายน คณะกรรมการความปลอดภัยของสภาแห่งรัฐจีนและเทศบาลกรุงปักกิ่งได้จัดการประชุมทางไกลฉุกเฉิน เพื่อหารือกันในประเด็นเหตุเพลิงไหม้รุนแรงและการสร้างความปลอดภัย ในขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจและถือเป็นบทเรียนสำคัญ พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบหาสาเหตุของอุบัติเหตุโดยเร็ว และบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า อุบัติเหตุแก๊สระเบิดในจีนไม่ใช่เรื่องแปลกและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แม้ว่ารัฐบาลจีนจะมีความพยายามในการปรับปรุงระบบความปลอดภัยมาโดยตลอดก็ตาม โดยในปี 2015 ได้เกิดเหตุระเบิดหลายครั้งในเมืองเทียนจิน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 173 คน
ที่มา : Nikkei Asia
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส