ภายหลังเหตุสะพานยกระดับอ่อนนุช-ลาดกระบัง พังถล่ม บริเวณหน้าโลตัสลาดกระบัง ถนนหลวงแพ่ง แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 10 ราย รวมถึงรถยนต์และอาคารพาณิชย์โดยรอบได้รับความเสียหายนั้น
ทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญวิศวกรรมโยธา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้ลงพื้นที่สำรวจจุดเกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยตามหลักวิศวกรรม
รศ. ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า สาเหตุที่แน่ชัดของสะพานพังถล่มที่ย่านลาดกระบังยังต้องรอการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่จากการคาดการณ์เบื้องต้น มีความเป็นไปได้หลายสาเหตุ
โดยอาจเกิดจากตัวโครงเหล็กที่ยึดกับตอม่อสะพานเอียงแล้วล้มลงไปทางด้านซ้าย ทำให้ตัวโครงสร้างเหล็กสีฟ้า ที่เรียกว่า ‘ลอนเชอร์’ (Girder Launcher Crane) ที่ใช้ร้อยคานคอนกรีต ซึ่งทำหน้าที่นำเอาคานคอนกรีตหลายชิ้นมาต่อเรียงกันแล้วร้อยด้วยลวดสลิง
ซึ่งขณะกำลังดึงลวดสลิงนั้นเกิดเสียงดังลั่นคล้ายระเบิด จึงเป็นไปได้ว่าอาจมีลวดเส้นใดเส้นหนึ่งขาด แล้วเกิดแรงสั่นไหวทำให้ตัวร้อยคานคอนกรีต ซึ่งตั้งอยู่บนหัวเสาสะบัดแรงพลิกตัวหักลง และด้วยน้ำหนักที่มากส่งผลให้ตอม่อทั้ง 2 ข้างบิดรุนแรง โดยชุดหนึ่งโค่นลง และตอม่ออีกชุดหนึ่งฉีกขาดออกจากกัน ทำให้โครงสร้างคานคอนกรีตที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์พังทลายลง
รศ. สุพจน์ ศรีนิล รองอธิการบดีฝ่ายกายภาพสิ่งแวดล้อมและทรัพย์สิน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า ความจำเป็นเร่งด่วนขณะนี้ คือ การประเมินความปลอดภัยของโครงสร้างที่ได้รับความเสียหายมาก เพื่อมิให้เกิดการพังถล่มต่อเนื่อง ข้อควรระมัดระวังในการเคลียร์พื้นที่ตอนนี้ คือ สะพานลงมาอยู่ที่ชั้นพื้นดินแล้ว ห้ามคนเข้าไป ต้องเอาผู้เชี่ยวชาญมาตัดตัวสะพานเป็นชิ้น ๆ แล้วค่อยยกออก ถึงจะดำเนินการต่อไปได้
ส่วนการตรวจสอบหาสาเหตุในรายละเอียดที่ต้องทำ เช่น ควรตรวจสอบการเสริมเหล็กกับคอนกรีต เนื่องจากในการออกแบบ ต้องออกแบบเผื่อ ‘การบิดตัว’ ซึ่งการบิดตัวที่กล่าวถึง เกิดจากตัวสะพานไม่อยู่ในจุดส่วนกลาง แต่เบี่ยงไปทางซ้าย พอเบี่ยงไปทางซ้าย ทำให้ตอม่อบิดไปด้วย จนเกิดการขาดของตอม่อ
ซึ่งหลังจากนี้ต้องมีการตรวจสอบว่า อุปกรณ์เครื่องมือไม่มีความพร้อมหรือไม่ เพราะปกติการก่อสร้างสะพานก็ใช้วิธีนี้ เป็นการทำทั่วไป แต่เพราะสาเหตุอะไรโครงยึดถึงเอียงตัวได้ อาจต้องไปตรวจสอบถึงการออกแบบเสาตอม่อเสริมเหล็กเป็นอย่างไร เพราะขาดหลุดไปเลย ความบางความหนาไม่เกี่ยวกัน ขึ้นกับความแข็งแรงของการเสริมเหล็ก สำหรับการตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารที่อยู่อาศัยโดยรอบ ต้องใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 2-3 สัปดาห์
สำหรับข้อสังเกตเรื่องชั้นดินนั้น รศ. สุพจน์ อธิบายว่า เสาเข็มที่รับตอม่อเป็นเข็มยาว 60 เมตร ถึงชั้นดินแข็ง เรื่องการบกพร่องของเข็มโดยทั่วไปจะมีการทดสอบก่อน แม้โอกาสที่จะเกิดปัญหาที่ชั้นดินมีน้อย แต่ก็ต้องใช้เวลาตรวจสอบอีกเช่นกัน ทั้งนี้ ยังเป็นการวิเคราะห์เบื้องต้นและคาดการณ์ตามหลักวิศวกรรมเท่านั้น
ผศ. ดร. อาทิตย์ เพชรศศิธร ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกายภาพ สิ่งแวดล้อมและทรัพย์สิน สจล. กล่าวถึงข้อเสนอแนะในการป้องกันปัญหาของ สจล. ว่า หน่วยงานภาครัฐที่เป็นเจ้าของโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ควรดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง โดยให้ผู้รับจ้างปฏิบัติตามแผนปฏิบัติงานความปลอดภัยในการก่อสร้าง และควรต้องรายงานผลการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยดังกล่าวให้กับเจ้าของโครงการรับทราบตามรอบระยะเวลาที่กำหนด
ในขณะที่ผู้ประกอบการหรือผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ ควรจัดทำแผนปฏิบัติงานความปลอดภัยในการทำงานอย่างละเอียดและชัดเจน มีวิศวกรควบคุมงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างนั้น ๆ ประจำอยู่ในสถานที่ก่อสร้างตลอดระยะเวลาที่มีการก่อสร้าง และควรจัดฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานให้กับพนักงานทุกคนอย่างสม่ำเสมอ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส