นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังไม่สามารถก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยได้ ภายหลังการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) มีมติไม่เห็นชอบให้ นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุน 324 เสียง ไม่เห็นด้วย 182 เสียง และงดออกเสียง 199 เสียง ทั้งนี้ เสียงสนับสนุนไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด 750 คน
นายพิธาให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมฯ ดังกล่าวว่า “ยอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้” และอธิบายเพิ่มเติมว่าคะแนนเสียงสนับสนุนที่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด หรือ 376 เสียงนั้น ต้องยอมรับว่ามีการกดดันภายในสภาฯ ค่อนข้างมาก รวมถึงมีผู้ที่ไม่มาเข้าร่วมการประชุมกว่า 40 คน ทำให้ผลการลงคะแนนเสียงไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
สำหรับการแพ้โหวตในครั้งนี้ หลายสื่อมองว่าอุปสรรคหลัก คือ ไม่ผ่านด่าน ส.ว. 250 เสียง โดย ส.ว. ส่วนใหญ่จำนวน 159 คน ใช้สิทธิงดออกเสียง, 34 คน ลงคะแนนเสียงไม่เห็นชอบ และ 13 คนลงคะแนนเสียงเห็นชอบ เพื่อสนับสนุน นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ จำนวน ส.ว. ที่เหลือนั้นไม่เข้าร่วมการประชุม และมีลาออก 1 คน คือ นางสาว เรณู ตังคจิวางกูร ได้ยื่นหนังสือแสดงความประสงค์ขอลาออกจากการเป็น ส.ว. โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคมเป็นต้นไป
สุดท้ายนี้ นายพิธา ได้กล่าวขอบคุณ ส.ว. จำนวน 13 คน ที่ลงคะแนนเสียงสนับสนุนและทำตามฉันทามติประชาชน พร้อมยืนยันว่า ตนและพรรคก้าวไกลจะไม่ยอมแพ้ และจะใช้เวลาที่เหลืออยู่วางยุทธศาสตร์รวบรวมเสียงในการโหวตครั้งที่ 2 ต่อไป ตามการกำหนดของประธานสภาฯ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส