สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ผู้ซึ่งมีความเชื่อว่าโลกจำเป็นต้องมีลูกมากขึ้น บริจาคเงินจำนวน 10 ล้านเหรียญ (355 ล้านบาท) จากเดอะมัสก์ ฟาวเดชัน (The Musk Foundation) ให้กับโครงการวิจัยการเจริญพันธุ์และประชากร ของมหาวิทยาลัยเท็กซัส ในเมืองออสติน
ความจริงแล้วเดอะมัสก์ ฟาวเดชัน มอบเงินจำนวนนี้ให้กับมหาวิทยาลัยเท็กซัสตั้งแต่ปี 2021 เพียงแต่ยังไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริง จนกระทั่งมีรายงานจากบลูมเบิร์กออกมาเชื่อมโยงเงินดังกล่าวกับโครงการ Population Wellbeing Initiative (PWI) ของศูนย์วิจัยประชากรของมหาวิทยาลัยและแผนกเศรษฐศาสตร์ ซึ่งโครงการนี้จะศึกษาถึงภาวะเจริญพันธุ์ อนาคตของประชากร และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผ่านการวิจัย
ข้อมูลจากเอกสารของ PWI มีการคาดการณ์ว่า “มนุษยชาติอาจตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องจากอัตราการเจริญพันธุ์ลดลง และการคาดการณ์ของพวกเขาชี้ให้เห็นว่าหากไม่มีการแทรกแซง การลดจำนวนประชากรจะกลายเป็นหายนะในที่สุด”
มัสก์มีลูกอย่างน้อย 10 คน จาก 3 ภรรยา โดยลูกคนแรกของเขากับภรรยาคนแรกเสียชีวิตตั้งแต่ยังเป็นทารก จากนั้นพวกเขาก็มีลูกแฝดสองและแฝดสามผ่านการทำเด็กหลอดแก้ว มัสก์มักจะออกมาแบ่งปันมุมมองของเขาเกี่ยวกับความสำคัญของการมีบุตรเพิ่ม หลังจากข่าวล่าสุดว่าเขามีลูกแฝดกับผู้บริหารระดับสูงของ Neuralink มัสก์ได้โพสต์ลงในทวิตเตอร์ว่า พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยวิกฤตประชากรน้อย “อัตราการเกิดที่ลดลงคืออันตรายร้ายแรงที่สุดที่อารยธรรมต้องเผชิญ” เขากล่าวเสริม
ความใจดีของมัสก์ไม่ได้หยุดเพียงแค่ที่มหาวิทยาลัยเท็กซัสเท่านั้น โดยในปี 2021 มูลนิธิของมัสก์ มอบเงิน 71 ล้านบาท (2 ล้านเหรียญ) ให้กับจอร์จทาวน์ ยูนิเวอร์ซิตี (Georgetown University) เพื่อวิจัย AI, บริจาค 53 ล้านบาท (1.5 ล้านเหรียญ) ให้กับ MIT สำหรับการศึกษาวิธีจัดการกับโรคระบาด และอีก 53 ล้านบาท (1.5 ล้านเหรียญ) ให้กับมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย (University of Pennsylvania) โดยไม่ได้บอกวัตถุประสงค์
ซึ่งทั้งหมดนี้แปลได้ว่า มัสก์กำลังทุ่มเงินเพื่อทำความเข้าใจและหวังว่าจะป้องกันไม่ให้จำนวนประชากรของโลกลดลง ด้วยจำนวนทารกที่เกิดทั่วโลกน้อยลง อีกทั้งงานวิจัยของ PWI และโครงการที่คล้ายคลึงกันจึงมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส