ชาบูชาบู หรืออาหารต้มแบบน้ำใสเป็นอาหารที่คนไทยนิยมกินกันมากนะครับ แม้ว่าจะแยกย่อยเป็นสุกี้ยากี้ หรือหม้อไฟ ตามลักษณะน้ำซุป แต่ชาบูชาบูน้ำใสก็ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย เพราะเป็นอาหารที่จะได้รับรสชาติของวัตถุดิบไปเต็ม ๆ ซึ่งคุณโจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ ก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบกินชาบูชาบูมาก เป็นเมนูที่ไปญี่ปุ่นทุกครั้งต้องไปกิน เลยได้ความคิดเอาเมนูนี้แบบเน้นความเรียบง่ายเหมือนของที่ญี่ปุ่น มาทำเป็นร้านในไทย นั่นคือ Shabu Nashi ที่ตอนนี้มีสาขาเดียว อยู่ชั้น LG ของศูนย์การค้าเอราวัณ แบงค็อก แยกราชประสงค์ เดินจากศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณมานิดเดียว
ความเรียบง่ายของชาบูชาบูญี่ปุ่นคืออะไร คุณโจ้สรุปสั้น ๆ ว่า คือไม่ต้องมีน้ำซุปให้เลือกหลายแบบ มีน้ำใสอย่างเดียวเลยเพื่อเน้นรสชาติเนื้อ แล้วเนื้อก็เป็นเนื้อหน้ากว้าง แผ่นหนึ่งให้ใหญ่เท่าหน้าไปเลย รับรสกันเต็ม ๆ แล้วน้ำจิ้มก็ปรุงขึ้นมาใหม่ให้เหมาะ
อยากให้เป็นร้านตัวแทนบ้าน ชวนเพื่อนมากิน ชวนแขกมากิน
ต้อม จิรัฐ บวรวัฒนะ ผู้ร่วมก่อตั้งร้าน
ซึ่งอาหารของร้าน Shabu Nashi ไม่มีรสเผ็ดอยู่เลยครับ น้ำจิ้มก็เป็นพอสซึส้มยุสุ ที่ไปเอาส้มจากญี่ปุ่นมาเป็นส่วนผสม ให้รสเค็มเปรี้ยวหอมยุสุ แล้วก็น้ำจิ้มงาที่เคี่ยวใหม่ทุกวัน ทำให้เข้มข้นและหอมงา
เมนูหลักของ Shabu Nashi
- ชุด Premium Local Beef เนื้อริบอายจากฟาร์มวัวในไทย การันตีหน้าเนื้อต้องสูงไม่ต่ำกว่า 10 ซม. รสชาติเนื้อแดงจะมีความเข้มข้น เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวเมืองไทยได้ลิ้มลองและสัมผัสรสชาติความอร่อยของเนื้อวัวสายพันธุ์ไทย สนนราคาอยู่ที่ชุดละ 850 บาท
- ชุด Kuroge Wagyu จากจังหวัดอิวาเตะ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ Wagyu F1 ซึ่งเกิดจากการที่เอาเนื้อแองกัสไปผสมกับวากิวที่ญี่ปุ่น เพื่อให้เกิดเนื้อแดงที่มีรสชาติเข้มจากแองกัสผสานรวมกับไขมันหอม ๆ ผิวสัมผัสนุ่ม ๆ ของวัวญี่ปุ่น เมื่อลวกแล้วจะมีความนุ่มละมุน ความนุ่มนวลของไขมันอยู่ในระดับพอดี ราคาชุดละ 1,250 บาท
- ชุด Furano Wagyu A5 เป็นเนื้อวากิวที่ส่งตรงมาจากเมืองฟูราโน ฮอกไกโด หนึ่งในเนื้อที่ขึ้นชื่อระดับประเทศของญี่ปุ่น จุดเด่นของตัวนี้อยู่ที่เป็นวัวที่มาจากทางตอนเหนือของญี่ปุ่นซึ่งมีอากาศหนาว วัวก็จะสะสมไขมันได้ดี ไขมันที่ได้จะมีรสชาติหอมอร่อย จึงมีชื่อเสียงถึงความนุ่มนวลของไขมันจนละลายในปาก และด้วยการสไลซ์เนื้อแบบพิเศษ หน้ากว้างกว่าปกติ ยิ่งทำให้การรับรู้ถึงไขมันที่แทรกตามแผ่นเนื้อได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ตัวเนื้อแดงอาจจะไม่เข้มข้นเท่าตัว Kuroge Wagyu แต่รสชาติจะนุ่มนวลกว่า กินแล้วละลายในปาก ราคาชุดละ 1,650 บาท
- Sendai Wagyu A5 เมนูพิเศษ chef selected ซึ่งเชฟแทนจะคอยเสาะหา ค่อย ๆ คัดมาในแต่ละซีซั่น เน้นคัดเนื้อดีคุณภาพแน่น เพราะอยากให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติของเนื้อระดับพรีเมียมขั้นสูงสุด โดยตัว Sendai Wagyu ไขมันและความนุ่มของเนื้อจะขึ้นไปอีกระดับ เป็นเนื้อที่เลี้ยงมาเป็นพิเศษ ได้รับการขุนอย่างดี อยู่ในเมืองที่ดี อากาศที่ดี อาหารดี มี marble score อยู่ที่ระดับ 10-11 จากทั้งสิ้น 12 ระดับ โดยขายในราคาชุดละ 2,050 บาท ที่สำคัญหมดแล้วหมดเลย ควรจองก่อนเข้ามา
- สุดท้ายคือเมนูหมูสันนอกที่ติดกับสามชั้น สำหรับคนไม่กินเนื้อ จาก S Pure ลวกในน้ำจนสุกจะได้หมูที่สัมผัสนุ่มนวล ไม่แข็งกระด้าง จำหน่ายในราคาชุดละ 650 บาท
คำว่าชุดของร้าน Shabu Nashi คือจะมีเนื้อให้ 1 ชุดตามที่สั่ง ตามน้ำหนักที่กำหนด เช่น Local Beef จะได้ 6 แผ่น ส่วนเนื้ออื่น ๆ ที่หน้ากว้างกว่านี้จะได้ 4 แผ่น แล้วก็มีชุดผัก ชุดของทานเล่นคือสลัดและไข่นกกระทาที่ปรุงพิเศษ เอาไปแช่ซอส 4 ชั่วโมง ก่อนนำไปคั่วในกระทะ จนได้ไข่ที่ภายในยังเป็นยางมะตูม แต่มีรสชาติ นอกจากนี้ก็มีข้าวหรืออุด้ง แล้วแต่สั่ง และของหวานปิดท้ายเป็นกรานิต้าหวานเย็นรสลิ้นจี่หรือมะม่วง
ส่วนถ้าต้องการเพิ่มเนื้อ ก็สามารถสั่งเฉพาะเนื้อได้ครับ ในราคาลดลงประมาณ 20% ของราคาเซต
รสชาติของ Shabu Nashi
เราได้กินเนื้อทั้ง 4 ชนิดของร้านครับ เนื้อ Premium Local Beef ก็เป็นเนื้อที่ดี มีความอร่อย แต่ในฐานะเนื้อระดับเริ่มต้นของร้านก็มีความนุ่มที่น้อยกว่าเนื้อตัวอื่น ๆ อยู่พอสมควรครับ ส่วนเนื้อ Kuroge Wagyu และ Furano Wagyu A5 จะนุ่มขึ้นมาในระดับฟินขึ้นสวรรค์สำหรับคนรักเนื้อแล้ว ส่วนตัวแล้วเนื้อทั้ง 2 ชนิดนี้อร่อยมากทั้งคู่แล้วครับ แต่ถ้าขยับขึ้นไปถึง Sendai Wagyu A5 จะเป็นเนื้อระดับละลายในปากที่แท้จริงแล้ว ด้วยไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อที่เยอะ แต่ไม่ได้เยอะจนเลี่ยน ก็ทำให้ไขมันกับเนื้อผสมผสานกันจนได้รสสัมผัสที่ดีเยี่ยม
ส่วนน้ำจิ้มทั้ง 2 ชนิด เราชอบเลย ตัวพอนซึส้มยุสุ นั้นดึงรสชาติของเนื้อออกมาได้ดีมาก แล้วได้กลิ่นที่สดชื่นจากส้มยุสุด้วย ส่วนน้ำจิ้มงา ถือว่าทำได้ข้นเหนียว เข้มข้น เพิ่มความเป็นครีมมี่หอมงาให้กับเนื้อได้ดีเลย
วิธีกินชาบูชาบูแบบคนญี่ปุ่น
เชฟแทน ไกรสรกิตติคุณ ในฐานะเซฟหลักผู้ดูแลเนื้อของร้าน Shabu Nashi ได้แนะนำวิธีการกินชาบูชาบูแบบคนญี่ปุ่นว่า ให้ตั้งน้ำจนร้อนประมาณ 90 องศา คือดูให้มีควันขึ้นแต่ไม่ถึงกับเดือด เพราะน้ำเดือดจะทำให้เนื้อที่มีความเย็นสะดุ้ง จนเมื่อสุกมันจะหงิก แล้วพับเนื้อสัก 3 ทบ หย่อนลงไปในน้ำ เอาให้น้ำท่วมเนื้อ นับในใจประมาณ 4 วินาที แล้วยกขึ้น จะได้เนื้ออมชมพูหรือเนื้อแบบ Medium ซึ่งเป็นเนื้อที่นุ่ม และคงรสชาติของเนื้อได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเป็นชุดหมู เชฟแทนก็แนะนำว่าหมูต้องต้มจนสุกเท่านั้นครับ ถึงจะกินได้
การก่อตั้งร้าน Shabu Nashi
คุณโจ้-ธนาบอกว่าที่ตั้งร้าน Shabu Nashi ขึ้นมา เพราะเขาอยากกินชาบูที่เหมือนกับที่ไปกินที่ญี่ปุ่น แต่ในไทยยังไม่มีร้านแบบนี้ เลยร่วมกับคุณต้อม-จิรัฐ บวรวัฒนะ, คุณเบน ณ นคร ผู้สร้างร้านอาหารมากมาย และเชฟแทน ไกรสรกิตติคุณทำร้านนี้ขึ้นมา ซึ่งก็ยังไม่ได้วางแผนธุรกิจมากมาย ยังไม่มีแผนทำสาขาที่ 2 ด้วย ขอทำร้านเดียวไปก่อน ซึ่งก็ได้ Soft Launch เปิดร้านเงียบ ๆ มาสักพัก ก็ได้เพื่อน ๆ มาช่วยกิน และคนเดินผ่านไปผ่านมาก็แวะเข้ามาเยอะเหมือนกัน เพราะย่านนี้คนจีนเยอะ
ส่วนคุณเบนก็เล่าเสริมว่าที่ผ่านมาได้เปิดร้านอาหารมาหลายร้านแล้ว ซึ่งก็ดูง่าย ๆ ว่าอยากกินอะไร แล้วในไทยยังไม่มี แล้วตลาดเป็นไปได้ ก็ติดต่อนำเข้ามาเปิด แต่ Shabu Nashi เป็นร้านแรกที่ไม่ได้นำแฟรนไชส์จากต่างประเทศมาเปิด เป็นการสร้างขึ้นมาใหม่เลย
ผมฝันอยากมีร้านชาบูเป็นของตัวเองมานาน แบบเรื่อง Zom 100: Bucket List of the Dead เลย เป็นฝันที่อยู่ในรายการต้องทำก่อนตาย
ธนา เธียรอัจฉริยะ ผู้ร่วมก่อตั้งร้าน
ใครสนใจแล้วก็แวะไปได้ที่ Shabu Nashi ชั้น LG ศูนย์การค้าเอราวัณ แบงค็อก แยกราชประสงค์ เปิดให้บริการวันละ 2 รอบ 11.30 – 14.00 น. และ 17.00 – 21.00 น. วันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) สามารถจองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่ 089-922-6671 หรือผ่านระบบจองคลิก bit.ly/3XxVPgG
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส