วันที่ 21 สิงหาคม 2566 ณ อาคารรัฐสภา พรรคเพื่อไทย พร้อมแกนนำพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลรวม 11 พรรค ซึ่งรวบรวมเสียง สส. ได้ 314 เสียง จัดแถลงข่าวร่วมกันก่อนที่จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้
นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว สส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อ่านแถลงการณ์โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยในนาม 11 พรรคการเมือง จัดตั้งรัฐบาลรวม 314 เสียง โดยไม่มีการแก้ไขมาตรา 112 และไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล และมีมติร่วมกันเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมรัฐสภา
โดยพรรคเพื่อไทยได้รวมพรรคการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยเสียงจาก 11 พรรคการเมือง ได้แก่
- พรรคเพื่อไทย 141 ที่นั่ง
- พรรคภูมิใจไทย 71 ที่นั่ง
- พรรคพลังประชารัฐ 40 ที่นั่ง
- พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 ที่นั่ง
- พรรคชาติไทยพัฒนา 10 ที่นั่ง
- พรรคประชาชาติ 9 ที่นั่ง
- พรรคชาติพัฒนากล้า 2 ที่นั่ง
- พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 ที่นั่ง
- พรรคเสรีรวมไทย 1 ที่นั่ง
- พรรคท้องที่ไทย 1 ที่นั่ง
- พรรคพลังสังคมใหม่ 1 ที่นั่ง
สำหรับการแบ่งกระทรวงในพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ประกอบด้วย
- พรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ 8 กระทรวง รัฐมนตรีช่วยและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวม 9 ตำแหน่ง
- พรรคภูมิใจไทย ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ 4 กระทรวง และรัฐมนตรีช่วย 4 ตำแหน่ง
- พรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ 2 กระทรวง และรัฐมนตรีช่วย 2 ตำแหน่ง
- พรรครวมไทยสร้างชาติ ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ 2 กระทรวง และรัฐมนตรีช่วย 2 ตำแหน่ง
- พรรคชาติไทยพัฒนา ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ 1 กระทรวง
- พรรคประชาชาติ ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ 1 กระทรวง
นพ.ชลน่าน ระบุว่า พรรคเพื่อไทยได้เชิญหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายของแต่ละพรรคมาตกลงเรื่องการร่วมมือและแบ่งงานกันทำ โดยทุกพรรคบรรลุข้อตกลงร่วมกันที่จะนำนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้เป็นนโยบายหลักในการบริหารประเทศ อาทิ
- กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- ที่ดินทำกิน
- ขึ้นค่าแรง 600 บาท ภายในปี 2570
- เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท
- เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ
- เพิ่มราคาพืชผลทางการเกษตร
- แก้ปัญหาความขัดแย้งและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในจังหวัดชายแดนใต้
- กัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ
- แก้ไขรัฐธรรมนูญในเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
- ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ
- ยังคงไว้ซึ่งหมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์
สำหรับนโยบายของพรรคร่วมนั้น จะถูกนำมาบูรณาการร่วม ปรับ เสริม หรือประสานนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลให้เป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด และนำมาจัดทำเป็นนโยบายร่วมกัน เพื่อแถลงต่อรัฐสภาต่อไป
แถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยยังระบุอีกว่า ขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาสำคัญลำดับแรกที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะประชาชนกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ สถานการณ์หนี้สินของครัวเรือน ภาคธุรกิจขนาดเล็กขนาดกลางได้รับผลกระทบมาแล้วเป็นเวลานาน ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงสร้างและกลไก เพื่อนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศให้กลับคืนมาอีกครั้ง
“พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลตระหนักดีว่าในสถานการณ์ดังกล่าวเราไม่อาจจะทอดเวลาไปมากกว่านี้ หรือจำนนต่อสถานการณ์ขัดแย้งที่ประเทศ และประชาชนตกอยู่ในวงล้อมที่เสียโอกาสไปทุกขณะ การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้อยู่บนฐานความรับผิดชอบต่อประชาชนในสถานการณ์ที่ปัญหาทุกด้านส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องรุนแรง
แม้พรรคเพื่อไทยจะเผชิญกับวาทกรรมหรือคำกล่าวหาที่รุนแรงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรารับรู้ความขัดแย้งดังกล่าวด้วยใจที่เป็นธรรมและตั้งใจมุ่งสู่เป้าหมายที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้น เป้าหมายหลักในวาระนี้คือการเข้ามาร่วมรับผิดชอบในวาระประเทศและวาระของประชาชน” ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์พรรคเพื่อไทย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส