สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สุสานรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากประชาชนนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเก่ามาทิ้ง และเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มีสมรรถนะเพิ่มขึ้น
รายงานข่าวระบุว่า เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมจากภาครัฐ ทำให้เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าเปิดตัวสู่ตลาดครั้งแรกก็ได้รับการตอบรับจากชาวจีนทันที โดยเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งในหมู่บุคคลทั่วไปและบริษัทเรียกรถโดยสาร อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนจึงเติบโตอย่างก้าวกระโดด
โดยในปี 2022 จีนมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดประมาณ 6 ล้านคัน ซึ่งคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของรถยนต์ใหม่ที่ขายในประเทศ นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีการส่งเสริมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้จีนเป็นประเทศที่มีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครอบคลุมมากที่สุดในโลก
แต่การพัฒนาที่รวดเร็วปานสายฟ้านี้ก็ทิ้งความสูญเสียไว้มากมาย โดยบริษัทเรียกรถโดยสารที่นำรถยนต์ไฟฟ้ามาให้บริการในช่วงแรก ๆ ได้เลิกกิจการไปแล้ว ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนก็ลดลงเหลือประมาณ 100 รายเท่านั้น จากที่เคยมีมากถึง 500 รายในปี 2019
นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก ๆ ที่ออกมานั้นยังมีสมรรถนะที่จำกัดและมีระยะการขับขี่สั้น ๆ ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง คือประมาณ 100 กิโลเมตร ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก ๆ ล้าสมัยอย่างรวดเร็ว เมื่อมีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มีสมรรถนะดีขึ้นออกสู่ตลาด
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้สุสานรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยรายงานข่าวระบุว่า สุสานรถยนต์ไฟฟ้าบางแห่งมีมากกว่า 200 คัน ในขณะที่บางแห่งมีมากกว่า 1,000 คัน โดยทั้งหมดมีสภาพทิ้งร้าง ทรุดโทรม และบางคันถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้หนาทึบ ซึ่งทั้งหมดก่อให้เกิดความกังวลเรื่องมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้มีส่วนประกอบของแรร์เอิร์ธและชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ย่อยสลายได้ยาก ซึ่งก่อให้มลพิษได้ หากมีการกำจัดขยะที่ไม่เหมาะสม
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายรายปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในประเด็นความรับผิดชอบต่อสุสานรถยนต์ไฟฟ้านี้ ในขณะที่ จีลี่ (Geely) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ออกมาบอกว่า บริษัทฯ จะมีการคัดเลือกรถยนต์ไฟฟ้าบางส่วนที่ยังพอใช้งานได้ไปปรับปรุงหรือแยกชิ้นส่วน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ต่อไป
วู กัวยัง (Wu Guoyong) ช่างภาพที่สนใจในประเด็นนี้ให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กว่า สุสานรถยนต์ไฟฟ้าในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับสุสานจักรยานเมื่อปี 2018 ซึ่งเป็นผลพวงของธุรกิจให้เช่าจักรยานที่เคยรุ่งเรืองในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งผู้ผลิตต่างเข้ามาในตลาดเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ที่ภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน โดยขาดการคิดอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะปลายทางสุดท้ายของสินค้า เช่น การรีไซเคิลและกระบวนการกำจัดขยะที่เหมาะสมหลังจากที่สินค้าหมดอายุการใช้งาน
ดังนั้น การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต นอกเหนือจากการลงทุนในเทคโนโลยีที่จะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้ามีสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นแล้ว ผู้ผลิตควรพิจารณาถึงความทนทาน การใช้งานที่ยาวนานขึ้น การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการรีไซเคิลและกระบวนการกำจัดขยะที่เหมาะสม
ที่มา : Bloomberg
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส