สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า รถไฟความเร็วสูงชินคันเซน เส้นทางโตเกียว – โอซาก้า เตรียมหยุดให้บริการรถเข็นจำหน่ายอาหารบนรถไฟประเภท Nozomi และ Hikari ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2023 เป็นต้นไป เนื่องจากผู้โดยสารไม่นิยมซื้ออาหาร และปัญหาการขาดแคลนพนักงาน
บริการรถเข็นจำหน่ายอาหารบนรถไฟความเร็วสูงชินคันเซน เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1964 ซึ่งประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกที่โตเกียวเป็นครั้งแรก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ผู้โดยสารไม่นิยมซื้ออาหารจากรถเข็นจำหน่ายอาหารอีกแล้ว แต่เตรียมข้าวกล่อง ขนม และเครื่องดื่มมาเอง หรือบางครั้งก็ซื้ออาหารจากร้านค้าในสถานีรถไฟขึ้นมาแทน
หลายคนอาจคาดการณ์ว่า ผู้โดยสารอาจกังวลเรื่องความสะอาดและมาตรการเว้นระยะห่าง จึงเลือกที่จะนำอาหารมาเอง แต่ความเป็นจริงแล้วยอดขายอาหารบนรถไฟประเภท Nozomi ในปี 2018 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ลดลง 45% แต่ในขณะเดียวกัน ยอดขายของร้านค้าในสถานีและตามจุดแวะพักของ Nozomi กลับเพิ่มขึ้น 16% สะท้อนให้เห็นว่า ผู้โดยสารจำนวนมากต่างเลือกซื้ออาหารตามบริเวณรอบ ๆ สถานีรถไฟมากกว่าบริการรถเข็นจำหน่ายอาหารบนรถไฟ
เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เนื่องจากในปี 2012 รถไฟความเร็วสูงชินคันเซนประเภท Kodama ได้ยุติบริการรถเข็นจำหน่ายอาหารบนรถไฟมาก่อนแล้ว ซึ่งไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเพราะสาเหตุใด แต่รถไฟประเภท Kodama เป็นรถไฟที่ใช้เวลาในการเดินทางนานที่สุด เนื่องจากจอดทุกสถานี จึงทำให้ผู้โดยสารมีโอกาสในการซื้ออาหารจากร้านค้าในสถานีมากขึ้น
ทั้งนี้ รถไฟความเร็วสูงชินคันเซนยังคงให้บริการอาหารอยู่ต่อไป แต่จะจำกัดเฉพาะการให้บริการอาหารสำหรับที่นั่งชั้น 1 เท่านั้น ซึ่งผู้โดยสารสามารถสั่งซื้ออาหารและเครื่องดื่มผ่าน QR Code ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
และสำหรับผู้โดยสารที่ยังคิดถึงบริการรถเข็นจำหน่ายอาหาร ทาง Central Japan Railway บริษัทผู้ให้บริการรถไฟความเร็วสูงชินคันเซน เตรียมเปิดตัวตู้จำหน่ายไอศกรีมและกาแฟอัตโนมัติบนชานชาลา ซึ่งทั้งสองเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของบริการรถเข็นจำหน่ายอาหารบนรถไฟ
ที่มา : Nikkei Asia
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส