เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา สิงคโปร์ได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี โดยนายธาร์มาน ชานมูการัตนัม (Tharman Shanmugaratnam) อายุ 66 ปี อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนน 70.4% และสามารถเอาชนะคู่แข่งอีก 2 คนไปได้อย่างขาดลอย
ทั้งนี้ นายธาร์มานสามารถเอาชนะคู่แข่งอีก 2 คนไปได้อย่างขาดลอย คือ นายอึ้ง ก๊ก ซง อายุ 75 ปี ประธานกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติสิงคโปร์ ซึ่งได้รับคะแนนเสียงมากเป็นอันดับ 2 คือ 15.7% และนายตัน กิน เหลียน อดีตผู้บริหารระดับสูงของบริษัทประกัน อายุ 75 ปี ซึ่งได้รับคะแนนเสียง 13.8%
สื่อต่างประเทศรายงานว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นตัวชี้วัดความนิยมของพรรคกิจประชาชน (PAP : People’s Action Party) หรือพรรครัฐบาลในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง (Lee Hsien Loong) เนื่องจากพรรคกิจประชาชนกำลังเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวทางการเมือง การสอบสวนการทุจริตของรัฐมนตรี และการลาออกของสมาชิกสภานิติบัญญัติ ซึ่งมีสาเหตุจากเรื่องชู้สาว
เหตุผลดังกล่าวทำให้นายธาร์มาน ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของพรรคกิจประชาชนประกาศลาออกจากพรรค ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี เพื่อความเป็นอิสระในการหาเสียงและการทำหน้าที่ประธานาธิบดี หากเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง
เนื่องจากตำแหน่งประธานาธิบดีสิงคโปร์ แม้ว่าส่วนใหญ่จะมีบทบาทในเชิงพิธีการมากกว่าการบริหารประเทศ แต่ก็มีอำนาจสำคัญ คือ การทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลรัฐบาล การดูแลการใช้เงินสำรองทางการคลังของประเทศ การยับยั้งมาตรการบางอย่าง และอนุมัติการสอบสวนต่อต้านการรับสินบนต่าง ๆ แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะไม่เห็นด้วยก็ตาม
ที่มา : CNBC
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส