วันที่ 2 กันยายน 2566 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยปรากฎชื่อของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นชาวนครราชสีมา เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2503 จบการศึกษาระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี), ปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และปริญญาโท สาขารัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
เส้นทางการเมืองของนายประเสริฐเริ่มต้นในระดับท้องถิ่น โดยการชิงตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) และได้ดำรงตำแหน่ง สจ. นครราชสีมา 2 สมัย ต่อมาได้ลงการเมืองสนามใหญ่ในสังกัดพรรคไทยรักไทย โดยชนะการเลือกตั้งและได้เป็น สส. ในปี 2544 และ 2548 ก่อนที่พรรคไทยรักไทยจะถูกยุบ และย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชาชน ซึ่งในเวลาต่อมา พรรคพลังประชาชนถูกตัดสินยุบพรรคเช่นกัน นายประเสริฐจึงต้องย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย
ต่อมาในเดือนมิถุนายน 2552 พรรคเพื่อไทยประกาศตั้งทีมรองโฆษกพรรค 8 คน เพื่อให้มีการประสานและเชื่อมโยงกับการทำงานในสภาฯ ของ สส. ด้วยกันให้มากขึ้น โดยในจำนวนนี้ปรากฎชื่อของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รวมอยู่ด้วย
ต่อมาในปี 2554 นายประเสริฐได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีในเดือนมิถุนายน 2556 ต่อมาในปี 2563 นายประเสริฐได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
นโยบายรัฐบาลดิจิทัล
สื่อหลายสำนักคาดการณ์ตรงกันว่า การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงดีอีเอสของนายประเสริฐนั้น มีเป้าหมายสำคัญ คือ การพัฒนาและผลักดันโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีและบล็อกเชน เพื่อให้นโยบายรัฐบาลดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยนำไปสู่การใช้งานได้จริง
โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ของพรรคเพื่อไทยปรากฎนโยบายรัฐบาลดิจิทัลเพื่อประชาชน เพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพของภาครัฐจำนวน 4 ด้าน ได้แก่
1. Digital Government คือ การพลิกเปลี่ยนจาก ‘รัฐอุปสรรค’ เป็น ‘รัฐสนับสนุน’ เพื่อปลดล็อกศักยภาพของประชาชนและผู้ประกอบการให้เป็นฟันเฟืองขับเคลื่นเศรษฐกิจไปด้วยกัน พร้อมกับลดช่องทางการคอร์รัปชัน
2. การสร้าง One Stop Service สำหรับการให้บริการภาครัฐ การขออนุญาต การอนุมัติต่าง ๆ จะต้องง่าย สะดวก และอยู่ในแพลตฟอร์มเดียว
3. ลดดุลพินิจเจ้าหน้าที่ สร้างกฏเกณฑ์ชัดเจน โดยใช้ระบบเข้ามาเป็นตัวจด เช่น การใช้ Smart Contract เพื่อลดโอกาสในการคอร์รัปชัน
4. กำหนดระยะเวลาในการอนุมัติให้แน่นอน เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ตัดปัญหาการเตะถ่วง และปิดช่องการเรียกเก็บค่าอนุมัติ
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังประกาศสนับสนุน “เงินบาทดิจิทัล” หรือ Central Bank Digital Currency (CBDC) ซึ่งพร้อมเดินหน้าพัฒนาร่วมกันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเป็นแพลตฟอร์มเปิดสำหรับทุกคนและยกระดับระบบการเงินของประเทศเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม นโยบายรัฐบาลดิจิทัลที่สื่อและประชาชนจับตามองมากที่สุด คือ กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท (Digital Wallet) ซึ่งพรรคเพื่อไทยชี้แจงว่า เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ผ่านการใช้จ่ายใกล้บ้าน โดยจะนำบล็อกเชนมาใช้เป็นเทคโนโลยีเบื้องหลัง เพื่อกำหนดเงื่อนไขการใช้เงินดิจิทัล ทำให้สามารถตรวจสอบการใช้จ่ายได้
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส