เบอร์มิงแฮม เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอังกฤษประกาศล้มละลายเมื่อวันอังคาร ปิดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นทั้งหมด โดยประกาศใช้มาตรา 114 ภายใต้กฎหมายการเงินรัฐบาลท้องถิ่นปี 1989 ส่งผลให้ท้องถิ่นจะไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณใหม่ในปี 2023-2024 ยกเว้นการใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น การดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง บริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน และภาระผูกพันทางการเงินที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หลังจากได้รับการเรียกร้องค่าชดเชยที่เท่ากันเป็นมูลค่ารวมสูงถึง 760 ล้านปอนด์ (ประมาณ 33,900 ล้านบาท)
สภาเมืองเบอร์มิงแฮมระบุว่า สาเหตุหลักที่ต้องประกาศล้มละลายเพราะต้องจ่ายค่าชดเชยมูลค่าสูงถึง 760 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 34,000 ล้านบาท ให้กับกลุ่มพนักงานหญิงทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่รวมตัวยื่นฟ้องในคดีจ่ายค่าตอบแทนที่ไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ ส่วนบริการที่คาดว่าจะต้องถูกปรับลดงบประมาณมีทั้งการทำความสะอาดถนน การดูแลรักษาสวนสธารณะ ห้องสมุด บริการเกี่ยวกับเด็กที่อยู่นอกเหนือจากการช่วยเหลือทางสังคม และการเก็บขยะที่อาจต้องทิ้งช่วงเวลานานขึ้น
ชารอน ทอมป์สัน รองผู้นำสภาเมืองเบอร์มิงแฮม กล่าวกับสมาชิกสภาว่ากำลังเผชิญกับ “ปัญหาอันยืดเยื้อและความท้าทายครั้งสำคัญ” พร้อมกล่าวโทษรัฐบาลของพรรคคอนเซอร์เวทีฟว่ามีส่วนทำให้เกิดวิกฤตครั้งนี้ และอ้างว่ารัฐบาลกลางได้พรากงบประมาณ 1,000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 42,660 ล้านบาท) ไปจากเบอร์มิงแฮม
“รัฐบาลท้องถิ่นกำลังเผชิญกับพายุอย่างสมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับสภาทั่วประเทศ มันชัดเจนว่าสภาเผชิญกับความท้าทายทางการเงินที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งแต่ความต้องการการดูแลสังคมสำหรับผู้ใหญ่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และการลดรายได้อัตราธุรกิจลงอย่างมาก ไปจนถึงผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่ลุกลาม” ทอมป์สันกล่าว แต่ยืนยันว่าเมืองเบอร์มิงแฮมยังคงเปิดกว้างสำหรับการทำธุรกิจ
นอกจากเบอร์มิงแฮม ยังมีสภาท้องถิ่นอีกหลานแห่งที่ต้องประกาศล้มละลายเหมือนกับเบอร์มิงแฮม เช่นวอคกิง ครอยดอน และ เทอร์รอค หลังจากหลายโครงการลงทุนเกิดปัญหา และ เผชิญกับการปรับลดเงินทุน
ขณะที่สมาคมองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอังกฤษประเมินว่า ตลอด 2 ปี นับจากนี้สภาเมืองต่างๆทั่วประเทศจะเผชิญกับปัญหาขาดแคลนเงินทุนรวมกันประมาณ 2,000 ล้านปอนด์ หรือ 90,000 ล้านบาทเพื่อให้บริการสาธารณะที่มีอยู่ตอนนี้ยังคงดำเนินการต่อไปได้ตามปกติ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส