วันที่ 18 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงาน THAIRATH FORUM 2023 FUTURE PERFECT เปิดมุมคิด พลิกอนาคต โดยเน้นย้ำว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งทำในตอนนี้ คือ การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนและสิทธิเสรีภาพ
นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า แม้จะเพิ่งรับหน้าที่บริหารมาได้แค่ 7 วัน แต่ก็ได้บทเรียนที่ต้องเรียนรู้หลายเรื่อง เนื่องจากตนเป็นคนทำงานเร็วและตัดสินใจเร็ว ประกอบกับเคยทำงานในภาคเอกชนที่มีหน่วยงานน้อยกว่าภาครัฐ เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วจึงต้องมองภาพให้กว้างขึ้น โดยสิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนในตอนนี้ คือ การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนและสิทธิเสรีภาพ
“หากจะคอยให้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่อยทำอาจจะใช้เวลานาน บางอย่างอะไรที่ทำได้ก็อยากจะทำก่อน เพื่อเป็นกำลังใจให้ประชาชนได้มีความหวัง” นายเศรษฐากล่าว
ลดค่าไฟฟ้า – ค่าน้ำมัน
เริ่มจากเรื่องที่ทำไปแล้ว คือ การลดค่าไฟฟ้า โดยตั้งเป้าหมายว่าอยากเห็นราคาอยู่ที่ 3 บาทต่อหน่วย ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการหารือกับผู้เกี่ยวข้องและคาดว่าภายใน 2 – 3 สัปดาห์นี้น่าจะรู้ผล ส่วนเรื่องราคาน้ำมัน แม้จะลดราคาน้ำมันดีเซลไปแล้ว แต่ยังเหลือราคาน้ำมันเบนซินที่มีความละเอียดอ่อนมากกว่า เนื่องจากมีหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อาจจะต้องพิจารณาถึงภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมากและมีรายได้น้อย ดังนั้น นโยบายต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ คลอดออกมา
นโยบาย Digital Wallet
โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นายกรัฐมนตรียืนยันว่า จะเกิดในไตรมาส 1 ปี 2567 โดยจะใช้ระบบบล็อกเชนอย่างแน่นอน สำหรับงบประมาณที่ใช้ในโครงการ คือ 560,000 ล้านบาท จะได้ข้อสรุปภายใน 10 วันนี้
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะไม่มีคนกลาง เพื่อป้องกันเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน สำหรับเงื่อนไขพื้นที่ใช้งานอาจจะเกิน 4 กิโลเมตร แต่จะไม่มาก และต้องมีการกำหนดสินค้าที่จะใช้ เพื่อเป็นการลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ระยะสั้น และเมื่อเม็ดเงิน 560,000 ล้านบาทเข้าไปในระบบ ผู้ประกอบการก็จะเร่งการผลิต ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมได้ด้วย
ค่าแรงขั้นต่ำ
เมื่อถามถึงความชัดเจนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ นายเศรษฐาระบุว่า จะมีการประกาศในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายในเดือนมกราคม 2567 แต่จะปรับขึ้นเท่าไรนั้น ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดความเหมาะสมอย่างรอบด้าน ส่วนจะปรับขึ้นจนถึง 400 บาทต่อวันหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่าหวังว่าจะไปถึงจุดนั้น
นโยบาย Free Visa
สำหรับนโยบายยกเว้นการขอวีซ่าชั่วคราว หรือ Free Visa สำหรับนักท่องเที่ยวจีนนั้น นายเศรษฐาระบุว่า เป็นสิ่งที่ต้องเร่งทำ เพราะกำลังจะเข้าสู่ช่วง High Season โดยภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องก็ขานรับได้เป็นอย่างดี ทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจและตัดสินใจเดินทางข้ามาเที่ยวมากขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลมีการพูดคุยกับทุกสายการบินเพื่อเตรียมความพร้อม โดยการบินไทยจะนำเครื่องบินที่รับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นมาบินในเส้นทางนี้ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจากการยกเว้นวีซ่าฟรีให้กับชาวจีน โดยคาดว่ามีรายได้จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 35,000 ล้านบาท
ส่วนปัญหาทุนจีนสีเทาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและภาคธุรกิจของไทย นายเศรษฐาระบุว่า ได้กำชับหน่วยงานความมั่นคงให้เข้มงวดมากขึ้นและเร่งสะสางปัญหาเก่าไปพร้อมกับป้องกันปัญหาใหม่
ดึงนักลงทุนเข้าประเทศ
การพัฒนาเศรษฐกิจในระยะถัดไป คือ การลงทุนในประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีเตรียมเดินทางไปพบนักธุรกิจในต่างประเทศเพื่อชักชวนนักลงทุนเข้ามา ซึ่งจะชูจุดแข็งด้านสนามบิน ท่าเรือ และภาคเอกชนที่แข็งแกร่งกว่าเพื่อนบ้านในภูมิภาค รวมถึงสภาวะการเงินและการอำนวยความสะดวกแรงงานจากต่างประเทศที่เข้ามาทำงานในไทย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลที่ดีและโรงเรียนนานาชาติที่เป็นมาตรฐานระดับโลก
ช่วงที่ผ่านมา ผู้นำของไทยเดินทางไปเยือนประเทศแถบแอฟริกาค่อนข้างน้อย นายกรัฐมนตรีจึงเตรียมพูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศให้มีการแก้ไขด้านการย้ายทูตไปยังประเทศที่มีแนวโน้มจะเป็นมหาอำนาจในอนาคต เพื่อส่งทูตที่มีประสิทธิภาพเข้าไปทำงานอำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชนไทยที่จะเข้าไปลงทุน เพื่อให้ไทยได้เข้าไปบุกเบิกตลาดก่อนประเทศอื่น ๆ และเป็นผลดีต่อการลงทุนของไทยในอนาคต
การสัมมนาดังกล่าวปิดท้ายด้วยคำถามที่ว่า หากให้เขียนเรื่องราวของตัวเอง อยากให้คนจดจำนายกฯ ว่าอย่างไร นายเศรษฐาตอบว่า “ผมไม่อยากเขียนเรื่องราวของตัวเอง แต่อยากให้ประชาชนเขียนเรื่องราวของผมมากกว่า ว่าชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างไรบ้าง รวมถึงความขัดแย้งด้านการต่างความคิด โดยไม่ใช้วาทกรรมด้อยค่ากัน และไม่มีสายตาเยาะเย้ยซึ่งกันและกัน ที่สร้างความเกลียดชัง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมอยากให้มีการแก้ไขที่ดีขึ้น”
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส