กำลังเป็นที่จับตามองกันทั่วโลก สำหรับ ‘YG Entertainment’ ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ที่แม้จะหมดสัญญาไปเกือบ 2 เดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการออกมาชี้แจงอะไรอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการต่อสัญญาของ 4 สาว ‘จีซู – เจนนี่ – โรเซ่ – ลิซ่า’ รวมถึงทิศทางอนาคตของ BLACKPINK แม้จะมีข่าวลือหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ว่าทั้งหมดอาจจะแยกย้ายกันไปลุยงานเดี่ยวของตัวเอง แต่ยังคงความเป็น BLACKPINK เอาไว้ เรียกง่าย ๆ ว่า ‘แยกค่าย แต่ไม่แยกวง’ เพื่อให้ทุกคนสามารถทำกิจกรรมร่วมกันในฐานะ BLACKPINK ได้อีกอย่างน้อย 6 เดือนต่อปี เรื่องนี้ทำให้เสาเอกของ YG ต้องสั่นสะเทือนอีกครั้ง จนหุ้นร่วงติดต่อกันถึง 4 วัน อะไรทำให้ความเชื่อมั่นของ YG ลดลง เรามาไล่เรียงเหตุการณ์ไปพร้อม ๆ กัน 

ประธานค่ายโดนคดี 

แม้จะมีศิลปินในมือมากมาย แต่ความสั่นคลอนของ YG เริ่มเกิดขึ้นเมื่อหัวเรือใหญ่อย่าง ยางฮยอนซอก มีคดีติดตัวมากมายจนต้องลาออกจากการเป็นซีอีโอของ YG ที่ปลุกปั้นมากับมือ แม้คดียักยอกทรัพย์และเล่นการพนัน จะถูกยกฟ้องไปแล้ว รวมถึงศาลชั้นต้นตัดสินว่าเขาไม่มีความผิด ในข้อหาแทรกแซงข่มขู่ผู้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับอาชญากรรมยาเสพติดของ B.I อดีตสมาชิกวง iKON แต่แล้วยางฮยอนซอก ก็ถูกอัยการยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลพิจารณาโทษจำคุก 3 ปี

ครั้งนี้ยางฮยอนซอก ถึงกับออกมาตัดพ้อต่อหน้าศาลด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่า ผมไม่คิดเลยว่าการเจอกับ HSH ประมาณ 30 นาทีในครั้งนั้น จะทำให้ผมต้องมาอยู่ที่นี่หลังถูกสอบสวนมากว่า 4 ปีแล้ว ผมก่อตั้ง YG ปี 1997 และอุทิศตนให้กับการค้นหาและปลุกปั้นนักร้องมากมายตลอด 27 ปี

ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยทำผิดพลาด แต่ผมพยายามใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่างแก่ศิลปินรุ่นน้อง ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาผมหวังให้ความจริงถูกเปิดเผยโดยเร็วที่สุด ขอให้ผมได้กลับไปอยู่ในจุดเดิม ได้ฝึกฝนรุ่นน้องให้เป็นผู้นำของวงการ K-pop และสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมต่อไป

เก่าไป ใหม่ไม่มา 

อย่างที่รู้กันว่าทั้ง BIGBANG, 2NE1, WINNER, iKON หรือแม้แต่ BLACKPINK ล้วนเป็นศิลปินที่ YG ปั้นขึ้นมาและสร้างชื่อเสียงมากมายให้กับวงการ K-pop ถ้าพูดถึงบอยแบนด์ คงไม่มีใครไม่รู้จัก BIGBANG แต่ถ้าเป็นเกิร์ลกรุ๊ปต้องยกให้ ‘2NE1’ ไอดอลหญิงวงแรกที่ประสบความสำเร็จ ก่อนจะส่งไม้ต่อมาถึง ‘BLACKPINK’ ในปัจจุบัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปศิลปินเหล่านั้นกลับเลือกที่จะไม่ต่อสัญญา โดยล่าสุด G-Dragon หนึ่งในสมาชิกของ BIGBANG ได้ย้ายไปเซ็นสัญญากับ Warner Music ส่วนแทยัง ย้ายไปสังกัด The BlackLabel ที่ได้โปรดิวเซอร์มือทองอย่าง เท็ดดี้ ปาร์ค เป็นผู้ก่อตั้ง 

ส่วน 4 สาว BLACKPINK แม้จะมีข่าวโหมกระหน่ำออกมาว่า โรเซ่เป็นสมาชิกเพียงคนเดียวของวงที่ต่อสัญญาแล้ว ส่วนลิซ่ายังอยู่ระหว่างการเจรจา โดย News1 สื่อเกาหลีใต้รายงานว่าจีซูและเจนนี่ได้ปฎิเสธการต่อสัญญาและแยกตัวออกไปก่อตั้งค่ายของตัวเอง เพื่อการทำกิจกรรมเดี่ยวของแต่ละคนเป็นหลัก 

ความไม่แน่นอนนี้ยังทำให้การเดบิวต์ของ BABYMONSTER วงน้องใหม่ที่มี 2 ศิลปินคนไทยเป็นสมาชิก ถูกเลื่อนออกไปด้วยซึ่งเดิมทีมีกำหนดจะเดบิวต์ตั้งแต่เดือนกันยายน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แวว หรือกำหนดการที่แน่นอน

หุ้นดิ่ง – ผู้ถือหุ้นถอนตัว  

หุ้น YG ว้าวุ่นทุกครั้งที่ศิลปินไม่ต่อสัญญา และล่าสุดการนิ่งเฉยต่อข่าวการต่อสัญญาของ BLACKPINK ทำให้หุ้นของ YG ร่วงดิ่งลงไปถึง 18.43% จนเริ่มเกิดความขัดแย้งในหมู่นักลงทุน ความปั่นป่วนนี้เกิดขึ้นเพราะบรรดาผู้ถือหุ้นเริ่มออกอาการไม่พอใจที่ YG ไม่ออกมาหือ อือ กับการต่อสัญญาครั้งนี้ ทั้ง ๆ ที่ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา 4 สาว BLACKPINK สร้างรายได้หลายสิบล้านเหรียญให้กับ YG Entertainment รวมถึงยอดขายอีกกว่า 2,800,000 แผ่นในปี 2022 เพียงปีเดียว ส่วนเวิลด์ทัวร์ BORN PINK ทำรายได้สูงสุดในบรรดาเกิร์ลกรุ๊ปทั้งหมดที่เคยมีมา ด้วยยอดขายตั๋วเกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าคิดแค่ไตรมาสแรกของปี 2021 ยอดขายของ BLACKPINK ก็คิดเป็น 62% ของยอดขายอัลบั้มทั้งหมดของ YG

แม้วันนี้ ยางฮยอนซอก จะได้กลับมานั่งเก้าอี้บริหาร YG อีกครั้ง แต่หากยังรักษาเดอะแบกอย่าง  BLACKPINK ที่ปัจจุบันอยู่ในฐานะวงที่ทำเงินให้กับค่ายมากที่สุดไว้ไม่ได้ วงที่เหลืออยู่และวงที่กำลังจะเดบิวต์ต่อไป คงต้องช่วยกันแบกรับค่ายจนหลังแทบหัก เพื่อรักษาอนาคตของ YG เอาไว้ ส่วนนักลงทุนบางคนก็ยอมขายหุ้นทิ้งแล้ว เพราะมองว่าเสี่ยง และน่ากังวลเกินไป 

อนาคต YG กับการเกิดขึ้นของวงน้องใหม่จากค่ายคู่แข่ง   

ปัญหาของ YG ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดจากกลุ่มแฟนคลับค่าย คือการเป็น ‘ค่ายนักดองศิลปิน’ ทั้ง ๆ ที่ศิลปินในค่ายทุกคนล้วนมีความสามารถและสามารถทำเงินให้กับค่ายได้เป็นอย่างดี

เห็นได้จากเม็ดเงินมหาศาลของวงการ K-pop ที่สร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจเกาหลีใต้มากถึง 10,000 ล้านเหรียญต่อปี รวมถึงการผุดวงน้องใหม่ออกมาแย่งชิงพื้นที่ตลาดของแต่ละค่ายเพลง หาก YG ยังเลือกจะต่อสู้ด้วยการนิ่งเฉย เหมือนกับทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา และหาก YG ยังไม่เปลี่ยนตัวเองจากยอดนักดองมาให้ความสำคัญ เอาใจใส่กับศิลปินมากขึ้น ในอนาคต ‘YG’ อาจจะเหลือแค่ชื่อ อย่างที่แฟน ๆ ของค่ายเคยกล่าวไว้จริง ๆ ก็ได้ 

ที่มา : Star News, CNBC, Koreaboo

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส