สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางอิสราเอล (Bank of Israel) ได้ขายเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเป็นมูลค่ากว่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาท เพื่อพยุงค่าเงินเชเกลอิสราเอลเอาไว้ หลังประกาศสงครามกับกลุ่มฮามาสเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
รายงานข่าวระบุว่า ค่าเงินเชเกลอิสราเอลปรับตัวลงราว 2.8% ลงไปเคลื่อนไหวบริเวณ 1 ดอลลาร์ต่อ 3.95 เชเกลอิสราเอล นับเป็นการอ่อนค่าที่สุดในรอบ 7 ปี
โกลัน เบนิตา (Golan Benita) หัวหน้าฝ่ายการตลาดของธนาคารกลางอิสราเอล กล่าวในการแถลงข่าวว่า อิสราเอลกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย และส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น ธนาคารกลางอิสราเอลจำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปดำเนินการในตลาดการเงิน เพื่อรักษาสภาพคล่อง และเสถียรภาพของค่าเงินเชเกลเอาไว้
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอิสราเอลยังได้มีการเตรียมเงินจำนวน 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5.4 ล้านล้านบาท เพื่อรักษาสภาพคล่องผ่านกระบวนการที่เรียกว่า SWAP อีกด้วย
สำหรับตลาดหุ้นอิสราเอลภายหลังการประกาศสงครามกับกลุ่มฮามาส ดัชนี TA-35 ปรับตัวลงไปกว่า 6.47% ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวลงที่มากสุดในรอบ 3 ปี เช่นเดียวกับตลาดหุ้นของประเทศอื่น ๆ ในแถบตะวันออกกลาง เช่น ดัชนี EGX 30 ของอียิปต์ ปรับตัวลง 0.6% ในขณะที่ดัชนี Tadawul All Share Index ของซาอุดีอาราเบีย ปรับตัวลง 0.55%
ซวี เอคสเตน (Zvi Eckstein) อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางอิสราเอล ออกมาให้ความเห็นว่า แม้ว่าเศรษฐกิจของอิสราเอลจะแข็งแกร่ง แต่ค่าเงินเชเกลอาจอ่อนลงได้อีก เนื่องจากนักลงทุนและชาวต่างชาติกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของนักวิเคราะห์จาก JPMorgan และ Citi
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส