ในภาวะที่ ‘บล็อกเชน’ เป็นคำที่ถูกค้นหาและพูดถึงเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และตลาดคริปโทกำลังเผชิญกับภาวะตลาดชะลอตัว ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ มีความผันผวน อย่างไรก็ตาม ยังมีนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่เชื่อว่าตลาดคริปโทยังอยู่ในช่วงขาลงเพียงแค่ชั่วคราว และ ‘บล็อกเชน’ ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่สามารถจะเติบโตได้
สัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ในฐานะผู้จัดงานได้ร่วมเผยมุมมองต่อเทคโนโลยีบล็อกเชน, การพัฒนา Web3.0, ตลาดคริปโทและเหตุผลในการจัดงาน Blockchain Genesis, Thailand Blockchain Week 2023 ว่า
เริ่มจาก BTC Halving เหตุการณ์ที่จำนวน Bitcoin ใหม่ที่ขุดได้จะลดลงครึ่งหนึ่ง โดยเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นทุก ๆ 4 ปี และ BTC Halving ครั้งต่อไปที่จะเกิดขึ้นในปี 2024 ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานของ Bitcoin ลดลง ประกอบกับเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และถูกนำมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม สิ่งนี้ส่งผลให้ตลาดคริปโทมีฐานผู้ใช้งานที่กว้างขึ้น มีโอกาสเติบโตในอนาคต รวมถึงหลายประเทศเองก็มีการเปิดรับบล็อกเชนมากขึ้น
นอกจากนี้ สินทรัพย์ดิจิทัลและผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีบล็อกเชน ยังได้การยอมรับจากภาครัฐและหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล Web 3.0 และการเติบโตของตลาดคริปโท
ภายในงานดังกล่าว พบกับผู้เชี่ยวชาญที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน นำโดย นายพิริยะ สัมพันธารักษ์ (อ.ตั๊ม) และ นายโฉลก สัมพันธารักษ์ (ลุงโฉลก) นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล นายกานต์นิธิ ทองธนากุล เจ้าของเพจ Kim DeFi Daddy นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ร่วมก่อตั้ง Firo พร้อมนักลงทุนและวิทยากรด้านการลงทุนชื่อดังของไทย, นายซีเค เจิง (CK Cheong) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟาสต์เวิร์ค เทคโนโลยีส์ จำกัด (Fastwork) แพลตฟอร์มรวมฟรีแลนซ์ชื่อดัง, HashKey Capital ผู้ได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในฮ่องกง, หน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA), ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้ใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. เช่น บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด ตลอดจนผู้ก่อตั้งโปรเจกต์บล็อกเชนระดับโลก อาทิ Sandbox, MEMELAND & 9GAG, Coin98, Hashed, Trust Wallet, Sui Foundation และ Aura Network รวมไปถึงวิทยากรชาวต่างชาติอีกมากมายที่จะมาให้ข้อมูลเชิงลึกอัปเดตในงานนี้เป็นที่แรก
งานในครั้งนี้จะอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาสุดเข้มข้นกับ 3 เวที ตลอดทั้ง 2 วัน ได้แก่ เวทีใหญ่ ‘เจเนซิส เสตจ’ (Genesis Stage) เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นศึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมผู้ดำเนินรายการมืออาชีพที่จะช่วยย่อยเนื้อหาให้เข้าใจง่าย ตลอดจนอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีที่สำคัญให้คุณได้รู้ก่อนใคร เวทีที่ 2 ‘แอดวานซ์ เสตจ’ (Advance Stage) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกระดับความรู้ในการลงทุนหรือพัฒนาโปรเจกต์ เนื้อหาเจาะลึกจากแบรนด์และผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความเข้าใจ ในเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซีเป็นอย่างดี และเวทีที่ 3 ‘เวทีกิจกรรม’ (Activities Stage) พบกับกิจกรรมแจกของรางวัล สุดพิเศษพร้อมโปรโมชันจากบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งไทยและต่างชาติ
สำหรับงาน Blockchain Genesis, Thailand Blockchain Week 2023 จะจัดขึ้น 2 วัน ระหว่างวันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์การค้าใจกลางเมือง Samyan Mitrtown Hall ส่วนราคาบัตรมีดังนี้
- บัตรแบบมาตรฐาน (General) ราคา 299 บาท สามารถเข้าร่วม งานได้ 2 วัน
- ส่วนนักเรียน-นักศึกษาจะได้ราคาพิเศษ 150 บาท
- บัตร VIP ราคา 10,000 บาท รับสิทธิประโยชน์มากมาย ได้แก่ สิทธิ์เข้าร่วมเวิร์กชอปอย่างไม่จำกัด สิทธิ์เข้าใช้ VIP Lounge ภายในงานพร้อมอาหารเครื่องดื่ม นอกจากนี้ยังสามารถเข้าร่วม Welcome Dinner และ Exclusive Networking Party ส่วนตัวกับนักลงทุนและนักพัฒนาโปรเจกต์แนวหน้า พร้อมโอกาสได้พบกับผู้นำด้านบล็อกเชนจากนานาประเทศด้วย
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานสามารถซื้อบัตรเข้าเวิร์กชอปพิเศษ ‘เรียนลัดฉบับเจาะลึก’ เพิ่มเติมได้ไม่จำกัดหัวข้อ ในราคา 200 บาท อาทิ ‘เทคนิคการจัดพอร์ตคริปโทฯ ให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด ในทุกช่วงเวลาตลาด’, ‘เจาะลึกการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อการลงทุนคริปโทฯ แบบฉบับมือโปร’ และหัวข้ออื่น ๆ อีกมากมาย
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถซื้อบัตรได้ที่ www.eventpop.me/e/15676/blockchainth2023 และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.blockchain-th.com, www.facebook.com/blockchainthailandevent, https://twitter.com/BGTHOfficial
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส