สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาบริษัทและธนาคารในสหรัฐอเมริกาเริ่มทยอยเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2023 ซึ่งนอกเหนือจากการรายงานตัวเลขแล้ว ผู้บริหารขององค์กรเหล่านี้ก็ได้ออกมากล่าวถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส รวมถึงการดำเนินการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือเหยื่อสงครามแล้ว
อัลเบิร์ต บัวร์ลา (Albert Bourla) ซีอีโอของไฟเซอร์ (Pfizer) กล่าวว่า การโจมตีอิสราเอลและประชาชนเป็นสิ่งที่เลวร้ายอย่างมาก และทุกคนควรทำมากกว่าการประณามการก่อการร้ายในครั้งนี้ ในขณะที่ เจมี ไดมอน (Jamie Dimon) ซีอีโอของเจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase) กล่าวในการแถลงผลประกอบการของบริษัทว่า เขารู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยระบุว่า การก่อการร้ายและความเกลียดชังไม่ควรมีอยู่ในโลกสมัยใหม่แล้ว และการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสจะมีผลกระทบในวงกว้างต่อตลาดพลังงาน อาหาร การค้าโลก และความสัมพันธ์ทางภูมิรัฐศาสตร์
รายงานข่าวยังระบุอีกว่า ขณะนี้บริษัทและธนาคารยักษ์ใหญ่หลายแห่งในสหรัฐอเมริกากำลังเร่งระดมทุน เพื่อช่วยเหลือเหยื่อในเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ในขณะที่มหาเศรษฐีและสมาชิกของชุมชนชาวยิวในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาต่างเร่งบริจาคเงินหลายล้านเหรียญ รวมถึงอุปกรณ์ความช่วยเหลือ อาหาร เสื้อผ้า และของใช้ในครัวเรือน
ธนาคารยูบีเอส (UBS) แจ้งพนักงานว่า ธนาคารจะบริจาคเงินจำนวน 5 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 180 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่เท่ากับพนักงานและลูกค้าของธนาคารบริจาคให้กับการช่วยเหลือเหยื่อจากสงคราม รวมถึงจะพยายามขยายเครือข่ายหุ้นส่วนเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือครอบครัวชาวอิสราเอลที่ต้องพลัดถิ่นจากภาวะสงคราม
ทางด้าน โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า บริษัทจะบริจาคเงินจำนวน 2 ล้านเหรียญ (72 ล้านบาท) ซึ่งเป็นจำนวนที่เท่ากับพนักงานบริจาคเช่นกัน ในขณะที่สายการบินเดลตา แอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประกาศบริจาคเงิน 1 ล้านเหรียญ (36 ล้านบาท) ให้กับสภากาชาดอเมริกัน เพื่อนำไปช่วยเหลือเหยื่อสงครามต่อไป
ที่มา : Reuters
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส