นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) ว่า โครงการดังกล่าวมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ในฐานะรัฐบาลของประชาชนขอรับฟังทุกความเห็น เพื่อเอามาปรับให้ดีและตรงใจทุกคน

“ผมอยากให้เราลองนึกภาพไปด้วยกันว่า ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ มีเงินเข้ามาในระบบ 560,000 ล้านบาท ถ้าท่านเป็นภาคอุตสาหกรรม ท่านจะผลิตสินค้ามารองรับไหม จะต้องซื้อวัสดุเพื่อมาผลิตสินค้าเตรียมขายหรือไม่ จะมีการจ้างคนเพิ่มไหม แล้วเงินจะเข้ามาอยู่ในกระเป๋าของพี่น้องประชาชนเท่าไร เราตั้งใจให้เงินถูกเอาไปใช้ในพื้นที่ตามบัตรประชาชนของท่าน เพื่อช่วยพัฒนาชุมชนที่ท่านอยู่ ไม่ใช่พัฒนาเมืองใหญ่อย่างเดียว” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ก่อนหน้านี้ มีนักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์ได้ออกมาแสดงความคิด และลงชื่อคัดค้านโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยให้เหตุผลว่า ประโยชน์ที่ประเทศจะได้นั้นน้อยกว่าต้นทุนที่เสียไปอย่างมาก นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้มีการแจกเงินเพื่อกระตุ้นให้คนจับจ่ายใช้สอยในระยะสั้น ๆ โดยไม่คำนึงถึงวินัยและเสถียรภาพการคลังในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้รับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ และข้อแนะนำจากทุกหน่วยงาน รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งขอน้อมรับไปพิจารณา เพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกโครงการดังกล่าว และโครงการนี้ไม่ใช่โครงการหาเสียงที่มาโปรยเงินเพื่อให้ประชาชนเลือกตั้งกลับเข้ามาใหม่ในสมัยหน้า แต่เป็นโครงการที่ตระหนักดีถึงความจำเป็น และความต้องการของประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส