นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปี 2566 พบว่า การเติบโต GDP ของไทยทรุดหนักสุดในภูมิภาคและฟื้นตัวช้าสุด ประกอบกับข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่า สถานการณ์หนี้ครัวเรือนของไทยสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก
ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนผลกระทบของเศรษฐกิจที่มีต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มฐานราก ซึ่งจะมีความสามารถในการหารายได้ต่ำลง หมายความว่า นอกจากประชาชนจะมีรายได้ไม่เพียงพอแล้ว ยังมีหนี้สิน ทำให้ไม่สามารถมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น และกลายเป็นจุดที่ทำให้เศรษฐกิจของไทยจากที่ฟื้นตัวช้าอยู่แล้วก็ยิ่งช้าลงไปอีก ทำให้ไม่สามารถกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้เร็ว ๆ นี้
นายชัยระบุว่า ด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้โครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตมีความสำคัญ และได้รับการสนับสนุนจากประชาชนหลายกลุ่ม อาทิ ประทีป วัชรโชคเกษม นักธุรกิจด้านยานยนต์ชื่อดัง, บอย ท่าพระจันทร์ รวมถึงคู่สามีภรรยาที่เริ่มต้นสร้างร้านลาบด้วยเงิน 15,000 บาท ต่อมาขยับขยายจนเปิดร้านประจำอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของอาคารจิมทอมป์สัน และเพิ่งเริ่มทำแฟรนไชส์ 1 สาขา หากได้เงินดิจิทัลมาคนละ 10,000 บาท รวมกันเป็น 20,000 บาท พวกเขาจะสามารถเปิดร้านไก่ย่างได้อีก 1 ร้าน
“อยากให้ผู้ที่คิดต่าง เปิดใจ ทำความเข้าใจถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายนี้ เชื่อมั่นว่าประชาชนที่ไม่มีเงินทุนในการตั้งตัวจะสามารถสร้างเป็นอาชีพ เพิ่มรายได้ ปรับวิถีชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสของประชาชนทุกคนที่มีสิทธิ์” นายชัยกล่าว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส