นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในขณะนี้ว่า สาเหตุที่ฝุ่นเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากสภาพอากาศปิด ไม่ถ่ายเท โดยการวัดค่าฝุ่น PM 2.5 กทม. จะวัดเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 ที่มีหน่วยเป็นไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งต่างจากค่า AQI ที่นำตัวเลขก๊าซที่เป็นพิษอื่น ๆ เข้ามารวมด้วย ทำให้ค่าสูงกว่า
ทั้งนี้ กทม. ได้ดำเนินมาตรการลดฝุ่นมาตลอด 365 วัน ไม่ได้ทำเฉพาะช่วงที่มีฝุ่น คือ การตรวจแหล่งกำเนิด โดยเน้นการตรวจที่แหล่งกำเนิด PM 2.5 ในกทม. เป็นหลัก เช่น สถานประกอบการโรงงาน แพลนต์ปูน สถานที่ก่อสร้าง ในขณะที่การตรวจสอบยานพาหนะ สภาพรถและควันรถที่สถานที่ต้นทาง เช่น ขนส่ง อู่รถโดยสารประจำทาง และ Hot Spot โดยจับตาจุดความร้อนเผาไหม้จากดาวเทียม ซึ่งในพื้นที่ของ กทม. จะพบอยู่รอบนอกฝั่งตะวันออกที่มีการทำเกษตรกรรม ทั้งนี้ เมื่อพบ Hot Spot จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ แต่ส่วนใหญ่แล้วการเผาไม่ได้อยู่ใน กทม. แต่จะอยู่ในต่างจังหวัด หรือประเทศเพื่อนบ้าน แล้วมีลมพัดฝุ่นเข้ามาในพื้นที่
สำหรับแผนลดฝุ่น PM 2.5 ของ กทม. ประกอบด้วย การติดตามเฝ้าระวังโดยนักสืบฝุ่น ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อวิจัยแหล่งกำเนิดฝุ่น ร่วมกับทำ Riks Map เพื่อแก้ปัญหาได้ที่ต้นเหตุ ติดตั้งเซนเซอร์ซึ่งปัจจุบันมี 700 กว่าจุด โดยตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1,000 จุด และสร้างการมีส่วนร่วมโดย Traffy Fondue ไว้ให้ประชาชนแจ้งเหตุ ถัดมาคือ การกำจัดต้นตอของฝุ่น โดยการตรวจยานพาหนะควันดำ พัฒนาทางเท้า ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยการเพิ่มจุดชาร์จ รวมถึง Feeder สนับสนุนรถอัดฟางแก่เกษตรกรแก้ไขปัญหาการเผา และสุดท้ายคือ การป้องกันภาคประชาชน เช่น ฝึกนักเรียนโรงเรียน กทม. ให้รู้ระดับความรุนแรงของฝุ่น ทำสวน 15 นาที ทำห้องเรียนปลอดฝุ่นในโรงเรียน และโรงพยาบาล และการล้างถนนอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
ส่วนแผนบริหารจัดการฝุ่นระยะวิกฤต จะเพิ่มมาตรการที่เข้มข้นขึ้น ได้แก่ ในระดับสีส้ม (37.6 – 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) จะมีการจัดตั้ง War Room เพื่อแจ้งเตือนประชาชน และมีแอปพลิเคชัน AirBKK ที่ปรับปรุงให้มีความละเอียดขึ้น พยากรณ์ได้แม่นยำ และล่วงหน้าได้มากขึ้น ประสานกับตำรวจจราจร เรื่องการห้ามจอดรถบนถนนสายหลักและถนนสายรอง เพิ่มความถี่ในการตรวจต้นตอฝุ่น ส่วนในภาคประชาชน เพิ่มมาตรการเข้มโรงเรียนสู้ฝุ่น 437 แห่ง แจกหน้ากากอนามัยเชิงรุก จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ 50 เขต คลินิกมลพิษทางอากาศ 7 แห่งพร้อมขยายเวลาทำการ
สำหรับมาตรการที่เข้มข้นขึ้นในระดับสีแดง (75.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป) จะมี LINE Alert เตือน ประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ แจ้งให้หยุดการก่อสร้างในบางพื้นที่ สนับสนุนให้คนมาใช้รถไฟฟ้า BTS โดยอาจมีการลดหรืองดค่าโดยสารส่วนต่อขยาย อีกทั้ง กทม. ยังมีเครือข่าย Work from Home ที่มีบริษัทร่วมด้วย 100 บริษัท รวม 40,000 คน ซึ่งหากมีการประกาศขอความร่วมมือ Work from Home บริษัทเหล่านี้ก็พร้อมให้ความร่วมมือ และติดต่อขอทำฝนหลวงในพื้นที่ เป็นต้น
“เรื่องฝุ่นคงต้องร่วมกันทุกภาคส่วน เพราะฝุ่นบางส่วนก็ไม่ได้มาจาก กทม. การนำมาตรฐานยูโร 5 มาใช้ คาดว่าจะทำให้ฝุ่นลดลงได้ในระดับนึง สำหรับเรื่องมาตรการความเดือดร้อนรำคาญ การควบคุมการก่อสร้าง เป็นหน้าที่โดยตรงของ กทม. ซึ่งในอนาคตจะนำข้อมูลโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ขึ้นแผนที่เพื่อให้ผู้รับผิดชอบเข้าไปตรวจสอบ เพื่อติดตามความถูกต้องต่อไป” นายชัชชาติกล่าว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส