นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีประชาชนไม่สามารถเติมน้ำมัน เนื่องจากสถานีบริการน้ำมันแจ้งว่าน้ำมันหมด และมีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า สถานีบริการน้ำมันอาจกักตุนสินค้า เพื่อรับประโยชน์จากมาตรการลดราคาพลังงานของรัฐบาลนั้น
นางรัดเกล้าระบุว่า กระทรวงพลังงานได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนในการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน โดยใช้กลไกการลดภาษีสรรพสามิต และกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันอย่างมีนัยยะสำคัญ จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าอาจมีพฤติกรรมการกักตุนน้ำมันนั้น
ทางกระทรวงพลังงานได้ดำเนินการตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันหลายแห่ง พบว่าภายหลังราคาน้ำมันปรับตัวลง ทำให้มีผู้ใช้รถยนต์จำนวนมากเข้ามาใช้บริการจนทำน้ำมันหมดจริง
อย่างไรก็ดี กระทรวงพลังงานยืนยันว่า การปรับลดราคาน้ำมันเป็นมาตรการช่วยเหลือ และชดเชยจากภาครัฐไม่ได้กระทบกำไรในส่วนผู้ประกอบการ จึงไม่อาจอ้างปฏิเสธการจำหน่ายได้
นางรัดเกล้าชี้แจงเพิ่มเติมว่า ปริมาณการใช้น้ำมันช่วงก่อนหน้าที่จะมีการลดราคาน้ำมัน โดยเฉพาะในช่วงระหว่างวันที่ 4 – 6 พฤศจิกายน 2566 ตัวเลขเบื้องต้นมีการใช้น้ำมันลดลงกว่า 60% ซึ่งปกติน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จะมีการใช้ประมาณวันละ 17 ล้านลิตร ก็เหลือเพียงประมาณวันละ 7 ล้านลิตร
ส่วนน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลงจากวันละ 6 ล้านลิตร เหลือวันละประมาณ 2 ล้านลิตร รวมทั้ง E20 และ E85 ก็มีปริมาณลดลงเช่นกัน โดยคาดว่า ประชาชนได้รับทราบข่าวสารล่วงหน้าในนโยบายการลดราคาน้ำมันเบนซินของกระทรวงพลังงาน จึงชะลอการใช้บริการ รวมถึงมีการเปลี่ยนการเติมชนิดน้ำมันจากน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มาเป็น 91 ทำให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 มีไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งข้อสงสัย พร้อมรายละเอียดชื่อสถานีบริการ และสถานที่ตั้ง กับกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน เพื่อประสานกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ หากผู้ประกอบการปฏิเสธการจำหน่ายในขณะที่น้ำมันยังมีเพียงพอ โดยผู้ประกอบการที่ปฏิเสธการจำหน่ายจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่มา : สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส