KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจเกียรตินาคินภัทรเปิดเผยสาเหตุที่ปรากฎการณ์เอลนีโญ (El Niño) ในปีที่ผ่านมาไม่ได้รุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายกังวล เนื่องจากขาดปัจจัยอื่น ๆ หนุนเสริม ได้แก่
- ช่วงเวลา ของการเกิดเอลนีโญที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนพอดี ทำให้พอมีน้ำฝนในพื้นที่ต่าง ๆ บ้าง แม้ว่าจะน้อยลงจากปกติ แต่ยังไม่ถึงขั้นฝนทิ้งช่วงเป็นระยะเวลาหลายเดือนติดต่อกันเหมือนกับเอลนีโญในฤดูแล้ง
- ปริมาณน้ำในเขื่อน อยู่ในระดับสูงจากปริมาณน้ำฝนที่มากกว่าปกติจากปรากฎการณ์ลานีญา (La Niña) ในช่วงปลายปีก่อนหน้า ทำให้พื้นที่เกษตรโดยเฉพาะในเขตชลประทานมีน้ำเพียงพอเพาะปลูกไปได้
ปัจจุบัน ผลผลิตภาคเกษตรกรรมโดยเฉลี่ยยังไม่ได้รับผลกระทบอย่างที่คาด และยังคงเติบโตได้เมื่อเทียบกับปี 2565 หากเปรียบเทียบกับการเติบโตของผลผลิตภาคเกษตรปรับฤดูกาลของเดือนมกราคมถึงเมษายน 2566 เทียบกับปีก่อนหน้าพบว่ายังเติบโตได้ 4.8% ขณะที่ผลผลิตภาคเกษตรในเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน 2566 ยังเติบโตได้ 1.57% เช่นกัน
ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าทุกภูมิภาคหรือทุกสินค้าเกษตรจะได้รับผลกระทบจากเอลนีโญเท่ากัน โดยสินค้าเกษตรที่จะได้รับผลกระทบจากเอลนีโญ ถ้าพิจารณาฤดูกาลเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วจะพบว่า กลุ่มพืชไม้ยืนต้น เช่น ปาล์มน้ำมันและยางพารา ที่มีผลผลิตออกมาตลอดทั้งปี และต้องการน้ำในการเพาะปลูกน้อยกว่า จะไม่ค่อยได้รับผลกระทบโดยตรงมากนัก ในทางตรงกันข้าม กลุ่มพืชไร่ที่เพาะปลูกแบบปีต่อปี และต้องการน้ำค่อนข้างมาก โดยเฉพาะข้าวนาปรังและมันสำปะหลัง ที่มีรอบการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าจะได้รับผลกระทบมากกว่า
ขณะเดียวกัน ผลกระทบของเอลนีโญต่อประเทศอื่นทำให้เริ่มมีมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันการขาดแคลนอาหารในอนาคตบ้างแล้ว และทำให้ราคาสินค้าเกษตรเริ่มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะ ‘ข้าว’ จะเป็นโอกาสของเกษตรกรไทย เพราะไทยบริโภคข้าวเพียง 55% ของการผลิตข้าวทั้งหมดประมาณ 20 ล้านตันในแต่ละปี และสามารถส่งออกข้าวที่เหลืออีก 45% หรือประมาณ 6 – 8 ล้านตัน ดังนั้น จากสถานการณ์ของผลผลิตเกษตรที่แม้จะไม่ได้เติบโตขึ้นอย่างมากแต่ก็ไม่ได้หดตัวอย่างรุนแรง กลับยังได้รับอานิสงส์จากการที่สามารถส่งออกข้าวในราคาที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มของเอลนีโญที่จะลากยาวเข้าสู่ฤดูแล้งในช่วงปลายปี 2566 ต่อเนื่องจนถึงกลางปี 2567 อาจจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตภาคเกษตรในปี 2567 ได้ค่อนข้างมากจากฝนที่อาจทิ้งช่วงเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะข้าวนาปรังที่จะเริ่มเพาะปลูกในช่วงปลายปีนี้ และเก็บเกี่ยวไปจนถึงกลางปีหน้า ขณะที่น้ำในเขื่อน แม้ว่าในช่วงกลางปีที่ผ่านมาจะลดต่ำลงจนน่าเป็นห่วง แต่ในช่วงเดือนที่ผ่านมาฝนตกมากกว่าที่คาดเติมน้ำในเขื่อนหลายแห่งจนอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ด้วยปัจจัยหนุนเสริมทั้ง 2 ประการ KKP Research คาดการณ์ว่าผลผลิตภาคเกษตรในปีนี้จะสามารถยืนระยะต่อไปได้ แต่จะไม่ได้ขยายตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ปีหน้าผลผลิตอาจชะลอตัวลงเล็กน้อยจากความเสี่ยงที่เอลนีโญจะยาวนานกว่าที่คาด แต่ด้วยน้ำในเขื่อนในระดับสูงเพียงพอจะช่วยบรรเทาผลกระทบไปได้ส่วนหนึ่ง ขณะที่รายได้ของภาคเกษตรในปีนี้และปีต่อไป คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ดีกว่าปีก่อนจากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นมากชดเชยผลผลิตที่ไม่ได้เติบโตสูงมากนัก
สุดท้ายจากภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศที่แปรปรวนมากขึ้นเรื่อย ๆ การเตรียมความพร้อมและเพิ่มการลงทุนของภาคเกษตร โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากจะมีส่วนช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยผ่านเกษตรกรที่ยังเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศแล้ว การลงทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานยังจะช่วยลดความเสี่ยงของผลกระทบจากภัยธรรมชาติต่อเศรษฐกิจไทย และสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรไทยในระยะยาวด้วย
ที่มา : KKP Research
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส