นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แก้หนี้ทั้งระบบให้จบภายในรัฐบาลนี้ โดยการช่วยเหลือผู้เป็นหนี้ทุกคน ให้กลับเข้าสู่กลไกทางเศรษฐกิจโดยไม่มีภาระ และเกิดหนี้เสียคงค้าง ซึ่งหนึ่งในปัญหาสำคัญคือหนี้บัตรเครดิต ที่ลูกหนี้ส่วนใหญ่ผ่อนชำระไม่ไหวจนกลายเป็นหนี้เสีย พอเป็นหนี้เสียก็ถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยปรับเพิ่มวนไปวนมา
เรื่องนี้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี อธิบายถึงแนวทางแก้หนี้บัตรเครดิตว่า รัฐบาลเตรียมจะปรับโครงสร้างหนี้ผ่านคลินิกแก้หนี้ ให้กับผู้ถือบัตรเครดิตทุกคนได้เข้าร่วมโครงการโดยไม่ต้องรอให้เป็นหนี้เสียก่อน ด้วยการเปิดให้ผ่อนนาน 10 ปี และดอกเบี้ยจาก 16 – 25% ลงเหลือ 3 – 5% แต่คนที่เป็นหนี้และชำระหนี้ตามปกติก็ไม่ควรเข้าเพราะ ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยอยู่แล้ว แต่หากไม่ไหวจริง ๆ สามารถเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ได้ ธนาคารเจ้าของบัตร จะเป็นผู้พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยให้
ส่วนสาเหตุที่ดอกเบี้ยบัตรเครดิตสูงเกิน 15% ทั้งที่นายกฯ เคยประกาศว่าหนี้ในระบบไม่ควรสูงเกิน 15% นายกิตติรัตน์ ระบุว่า คนที่ชำระหนี้แบบปกติก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยอยู่แล้ว แต่หากชำระบางส่วนก็จะมีดอกเบี้ยตามที่สถาบันการเงินนั้นกำหนดขึ้น โดยกฎหมายดอกเบี้ย 15% เป็นกฎหมายที่ใช้ดูแลผู้ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน แต่ในกลุ่มบัตรเครดิตเป็นส่วนของสถาบันการเงินซึ่งมีค่าบริการและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จึงมีการกำหนดที่สูงกว่า 15% ได้บ้าง ซึ่งขณะนี้มีการดูแลไม่ให้ดอกเบี้ยสูงไปอยู่แล้ว ส่วนส่วนต่างที่เกิดขึ้นกลุ่มที่เป็นเจ้าหนี้บัตรเครดิตยินดีลดดอกเบี้ยให้เพื่อดูแลลูกค้า โดยที่รัฐบาลไม่ต้องตั้งงบประมาณไปชดเชยให้
ที่มา : Thaigov
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส