การมาถึงของปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงานของหลายอุตสาหกรรม และทำให้บางอาชีพบางสายงานเสี่ยงต่อการตกงาน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มหาเศรษฐีนักประดิษฐ์ รวมถึงซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยีและยานยนต์ระดับโลกอย่างเทสลา (Tesla) สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) เอ็กซ์ (X) และเอ็กซ์เอไอ (xAI) ที่ออกมาบอกว่า “AI อาจทำให้ทุกคนต้องตกงานในที่สุด”
คำกล่าวของมัสก์ไม่ได้เกินจริงเท่าไรนัก เมื่ออ้างอิงจากรายงานของ Resume Builder ที่ได้วิเคราะห์สัมภาษณ์และข้อมูลของกลุ่มผู้นำธุรกิจจำนวน 750 ราย ที่มีการนำ AI มาใช้งานภายในองค์กร โดย 37% ของผู้นำธุรกิจตอบว่า ในปี 2023 มีการนำ AI เข้ามาแทนที่พนักงาน และอีก 44% ตอบว่าพวกเขาตัดสินใจจะปลดพนักงานในปี 2024 เพราะการเข้ามาของ AI นั้นทำให้งานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ข้อมูลที่ Resume Builder ค้นพบจะสอดคล้องกับแนวคิดของมัสก์ แต่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับมุมมองดังกล่าว ซึ่งนักวิเคราะห์ของ Resume Builder ก็ยอมรับว่า ข้อมูลที่พวกเขาเจอนั้นอาจจะไม่สะท้อนภาพรวมธุรกิจได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากบางองค์กรบางอุตสาหกรรมยังคงดำเนินงานตามแบบดั้งเดิม และไม่ได้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเหมือนกับบริษัทใหญ่ ๆ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของ Resume Builder ระบุว่า เป็นเรื่องที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการปลดพนักงานเพราะ AI นั้นมีอยู่จริง ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า แม้ AI จะทำให้ผู้นำธุรกิจบางรายเลือกปรับโครงสร้างขององค์กร แต่นั่นก็รวมถึงการสร้างตำแหน่งงานใหม่ ๆ ด้วย
ทางด้าน Asana บริษัทซอฟต์แวร์สัญชาติอเมริกันและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านบริหารติดตามโครงการ (Project Management) ได้ออกมาสนับสนุนสิ่งที่เรียกว่า “AI ที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง” (Human-Centered AI) และได้เผยแพร่ผลสำรวจเรื่องสถานะของ AI ในที่ทำงานปี 2023 พบว่า 29% ของพนักงานสามารถใช้ AI เพื่อลดภาระงานของพวกเขาได้ ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวถือเป็นภาพสะท้อนว่า AI สามารถช่วยปรับปรุงความสามารถและการประสานงานของมนุษย์ได้ แต่ไม่ใช่การเข้าที่แทนที่มนุษย์โดยสิ้นเชิง
ข้อมูลดังกล่างสอดคล้องกับภาพกว้างในปัจจุบันที่แม้ว่า AI จะสามารถใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหลายอุตสาหกรรมได้จริง แต่บางประเทศยังขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการนำ AI ไปใช้งาน ขณะเดียวกันบางประเทศที่มีอัตราการเกิดลดลงก็จำเป็นต้องเร่งนำ AI มาใช้งาน เพื่อทดแทนแรงงานวัยทำงานที่หายไป ดังนั้น แม้ว่า AI จะทำงานแทนคนเพิ่มขึ้น แต่ไม่ถึงขั้น “เลวร้าย” ที่จะทำให้ทุกคนตกงานเหมือนอย่างที่มัสก์ตั้งข้อสังเกตไว้
ที่มา : CNBC
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส