Stripe ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินสำหรับธุรกิจ ได้เผยแพร่ข้อมูลเชิงลึกจากการวิจัยและเปิดตัวโซลูชั่นล่าสุดของบริษัท ณ งานมหกรรม Money20/20 Asia ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 23-25 มิถุนายน 2567 ที่ประเทศไทย โดยการเปิดตัวครั้งนี้มุ่งสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและเปลี่ยนสู่การเป็นรูปแบบดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ภายในปี 2570 รวมทั้งช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถใช้ศักยภาพของเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างการเติบโต
ระหว่างการกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในงานมหกรรมครั้งนี้ คุณศริตา ซิงห์ (Sarita Singh) กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และ และอินเดีย ของ Stripe ได้เน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก
คุณศริตากล่าวว่า “การเติบโตของเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตยังคงแซงหน้าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง Stripe ได้เห็นเรื่องราวที่น่าทึ่งของนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนสู่รูปแบบดิจิทัล โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหนึ่งในตลาดอินเทอร์เน็ตที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกปัจจุบัน แนวโน้มสำคัญสามประการที่ขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคตภายในทศวรรษหน้า ได้แก่ การค้าข้ามพรมแดน การเติบโตของเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม และความเป็นผู้ประกอบการในภูมิภาคนี้”
การค้าข้ามพรมแดนสู่การค้าไร้พรมแดน
จากรายงานล่าสุดของ Stripe เกี่ยวกับการค้าดิจิทัลทั่วโลกพบว่า 84% ของธุรกิจที่ทำการสำรวจได้ขายสินค้าและบริการในหลายตลาด และธุรกิจ 16% ดำเนินงานในมากกว่า 21 ตลาด นอกจากนี้ พบว่า 66% ของธุรกิจกำลังเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดประเทศใหม่ ๆ ในอีกสองปีข้างหน้า
รายงานนี้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่พบในประเทศไทย ซึ่งบริษัทหลายแห่งรวมถึง จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) แบรนด์ค้าปลีกแฟชั่นของไทยที่กำลังทำงานร่วมกับ Stripe เพื่อขยายธุรกิจไปยังตลาดทั่วโลก จากในอดีตที่ Jim Thompson มีอิทธิพลในกลุ่มคนในประเทศและนักท่องเที่ยวในประเทศไทย Jim Thompson ได้ร่วมกับ Stripe
เพื่อผลักดันแบรนด์สู่ระดับสากลและปรับปรุงแบรนด์ให้ทันสมัยโดยเน้นการเข้าถึงผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าอายุน้อยของ Jim Thompson ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นและเลือกซื้อแบรนด์เพื่อใช้สำหรับตนเอง การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์นี้ส่งผลให้ประสบการณ์ของลูกค้าสะดวกมากขึ้น ตรงกับความต้องการของนักช็อปสินค้า luxury ระดับนานาชาติ ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดอัตราความล้มเหลวในการชำระเงินออนไลน์ อัตราการยกเลิกสินค้าในรถเข็นที่เลือกไว้ และการร้องเรียนจากลูกค้า
คุณปัญจรัตน์ ลิมปินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ธุรกิจการค้า ของ Jim Thompson กล่าว “การปรับปรุงประสบการณ์การชำระเงินออนไลน์ด้วย Stripe สำหรับลูกค้า ถือเป็นก้าวแรกในทิศทางที่ถูกต้องสำหรับแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกของเรา ขณะที่เราได้เริ่มดำเนินการตามแผนการขยายธุรกิจในต่างประเทศ เรามั่นใจว่าความร่วมมือกับ Stripe จะสนับสนุนการเติบโตของเรา และมอบประสบการณ์การชำระเงินที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า”
Stripe มอบโซลูชั่นที่ทั้งรวดเร็วและสามารถปรับขยายขนาดให้กับธุรกิจ เพื่อการดำเนินงานทั่วโลกตั้งแต่การก่อตั้งธุรกิจในวันแรก (Day One) ด้วยโซลูชั่นของ Stripe ธุรกิจต่าง ๆ สามารถรับการชำระเงินจากลูกค้าต่างประเทศในสกุลเงินมากกว่า 135 สกุลเงิน ขณะเดียวกันก็ได้รับประกันถึงการปฏิบัติตามข้อบังคับต่าง ๆ อย่างถูกต้องและการป้องกันภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตในระดับสูงสุด Stripe นำเสนอแพลตฟอร์มที่รวมบริการครบในหนึ่งเดียวและใช้งานง่าย ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถรองรับวิธีการชำระเงินได้หลายรูปแบบ เช่น พร้อมเพย์ (PromptPay) ไปจนถึงการชำระเงินด้วยบัตรจากทั่วโลก และกระเป๋าเงินเงินดิจิทัลวอลเล็ตแบบต่าง ๆ
การเติบโตของเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม
แม้ว่าแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจแบบแพลตฟอร์มจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ข้อสังเกตล่าสุดแสดงให้เห็นว่าแพลตฟอร์มและตลาดดิจิทัลกำลังกลายเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจโดยรวมมากขึ้น ในประเทศไทยแพลตฟอร์มอย่าง Baania และ FlowAccount ได้ทำงานร่วมกับ Stripe เพื่อเพิ่มความสามารถที่หลากหลายและสร้างการเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัล จากการวิจัยในกลุ่มอุตสาหกรรมพบว่าภายในปี 2573 แพลตฟอร์มดิจิทัลจะมีส่วนช่วยด้านการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกมากกว่า 30% หรือประมาณ 60 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Agoda, tiket.com และผู้ให้บริการด้านการจองที่พักและบริการด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) รายอื่น ๆ ได้พลิกโฉมรูปแบบการเป็นตัวแทนบริการจองแบบเดิม และปฏิวัติวิธีการวางแผนวันหยุด โดย Stripe ได้ร่วมมือกับ tiket.com เพื่อเปิดตัวฟีเจอร์การจองในหลายสกุลเงิน ซึ่งมอบประสบการณ์ที่เหมาะกับลูกค้าในแต่ละประเทศ และช่วยให้พวกเขาประหยัดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเมื่อจองที่พัก เที่ยวบิน และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้
ทักษะด้านการเป็นผู้ประกอบการ ทักษะแห่งอนาคต
แนวโน้มที่น่าสนใจซึ่ง Stripe สังเกตเห็นทั่วทั้งภูมิภาคนี้ คือการที่บริษัทระดับโลกได้เปิดกว้างต่อการทดลอง โครงการด้านนวัตกรรม และบุกเบิกบริการดิจิทัลใหม่ ๆ มากกว่าภูมิภาคอื่น ๆ ในโลก ธุรกิจจำนวนมากตระหนักได้ถึงความจำเป็นในการปรับปรุงธุรกิจ และส่งเสริมวัฒนธรรมการนำนวัตกรรมมาใช้ภายในองค์กร ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มจำนวนของบุคลากรที่มีทักษะด้านการเป็นผู้ประกอบการทั่วทั้งเอเชีย
ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่การให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์มีความซับซ้อนมากขึ้น Toyota ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น ได้ร่วมมือกับ Stripe เพื่อเปิดตัวแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ร้านซ่อมรถยนต์ต่างๆสามารถแบ่งปันและนำอุปกรณ์ชิ้นส่วนอะไหล่ที่มีความเฉพาะเจาะจงและจำเป็นสำหรับให้การบริการรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ กลับมาใช้ซ้ำได้ ความร่วมมือนี้ทั้งช่วยบรรเทาภาระของร้านซ่อมรถยนต์ และลดการปล่อยคาร์บอนได้ในเวลาเดียวกัน
คุณธีร์ ฉายากุล ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของ Stripe กล่าวว่า “ในขณะที่เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มีธุรกิจจำนวนมากที่อยากให้ Stripe ช่วยพวกเขาคว้าโอกาสเพื่อเริ่มรายได้และมอบประสบการณ์ทมองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง จำเป็นอย่างยิ่งที่ธุรกิจไทยจะต้องพร้อมรับแนวโน้มของเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตและใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้เพื่อเปิดโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการเติบโต โดย Stripe มุ่งมั่นที่จะมอบเครื่องมือดิจิทัลที่จำเป็นให้กับผู้ประกอบการและองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยที่ต้องการเติบโต เพื่อเพิ่มรายได้และทำให้การดำเนินงานเป็นไปแบบอัตโนมัติ รวมทั้งปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงของการค้าในระดับโลก”