นิวยอร์กได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในโลก มีบรรดาเศรษฐี 359,500 คน และมีเศรษฐีพันล้านอีก 60 ราย อาศัยอยู่เมืองนี้ จากรายงานของ Henley & Partners บริษัทที่ปรึกษาด้านการย้ายถิ่นฐาน ร่วมกับ New World Wealth ชี้ให้เห็นว่า จำนวนประชากรมหาเศรษฐีในนิวยอร์กพุ่งสูงขึ้น 48% ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา แม้จะมีความกังวลว่า เหล่าคนรวยที่มั่งคั่งจะอพยพออกจากเมือง และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจทำให้จำนวนประชากรผู้มั่งคั่งลดลง
แต่ตอนนี้จำนวนมหาเศรษฐีในนิวยอร์กมากกว่าประชากรทั้งหมดของเมืองออร์ลานโดหรือพิตส์เบิร์ก และสินทรัพย์รวมของชาวนิวยอร์กมีมากถึง 3 ล้านล้านเหรียญ (ประมาณ 110 ล้านล้านบาท) ซึ่งมากกว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของบราซิล อิตาลี หรือแคนาดาเสียอีก
อย่างไรก็ตาม จำนวนมหาเศรษฐีบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโกก็กำลังไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว พุ่งสูงถึง 82% ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา เป็น 305,700 คน และมีแม้กระทั่งเศรษฐีพันล้านในพื้นที่นี้มากถึง 68 ราย ตามรายงานเปรียบเทียบจำนวนประชากรร่ำรวยทั่วโลกของบริษัท Henley & Partners ณ สิ้นปี 2023
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของเทคโนโลยีและข้อตกลงทางธุรกิจต่าง ๆ สร้างความมั่งคั่งระดับสูงสุดใหม่ ทำให้สหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศผู้นำด้านการสร้างมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก โดยมีถึง 11 เมืองจากทั้งหมด 50 ติดอันดับเมืองที่รวยที่สุดในโลก โดยมีเมืองในจีนกำลังไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว สวนทางกับมหานครต่าง ๆ อย่างโตเกียว ลอนดอน และฮ่องกง ที่ประสบกับการถดถอยของประชากรมหาเศรษฐี ขณะที่สิงคโปร์และลอสแองเจลิสมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก เป็นการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ความร่ำรวยโลกที่น่าจับตามอง
ต่อไปนี้คือ การจัดอันดับ 30 เมืองร่ำรวยที่สุดในโลก จาก Henley & Partners ร่วมกับ New World Wealth
- นิวยอร์กซิตี้
- อ่าวซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย
- โตเกียว
- สิงคโปร์
- ลอนดอน
- ลอสแองเจลิส
- ปารีส และอีล-เดอ-ฟร็องส์
- ซิดนีย์
- ฮ่องกง
- ปักกิ่ง
- เซี่ยงไฮ้
- ชิคาโก
- โตรอนโต
- มิลาน และลอมบาร์เดีย
- เมลเบิร์น
- แฟรงก์เฟิร์ต
- ฮูสตัน
- ซูริค
- โซล
- เจนีวา
- ดูไบ
- ดัลลัส
- มิวนิก
- มุมไบ
- โรม และลัตซีโย
- ซีแอตเทิล
- เซินเจิ้น
- อัมสเตอร์ดัม
- โอซากา
- บอสตัน