“ความต้องการเป็นที่ยอมรับของผู้อื่นมากเกินไปจะทำให้เราเน้นความสำคัญไปที่เราต้องไม่ทำให้คนอื่นเกลียด ซึ่งทำให้คุณอึดอัดและเคร่งเครียดมากขึ้น”

เราต่างต้องการเป็นที่ยอมรับ และอยากได้รับความรักทั้งนั้น ไม่ว่าจากเพื่อน พ่อแม่ เจ้านาย หรือคนรัก ทำให้หลายครั้งเองเราก็พยายามที่จะเป็นคนที่ถูกรัก จนต้องเสแสร้งทำหลาย ๆ สิ่งที่ไม่อยากทำ อีกทั้งยังต้องคอยรู้สึกกังวลถึงความคิดผู้อื่น ถ้าแบบนี้เป็นแล้วสบายใจ มีความสุข มันก็ดี แต่หลายคนก็ไม่รู้เลยว่า พฤติกรรมเหล่านี้เองที่สร้างความทุกข์ให้แก่เรา

ซึ่งการหลุดพ้นจากความรู้สึกทุกข์แบบข้างต้น มีเพียงหนทางเดียว ‘จงเลิกเป็นคนดีซะ’ ซึ่งความหมายจริง ๆ มันไม่ได้ให้เราต้องไปทำเรื่องผิดกฎหมาย หรือผิดศีลธรรม แค่เลิกเอาใจคนอื่นมากเกินไป จนไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะการเลิกตอบสนองความคิดของผู้อื่น พร้อมกับการหันกลับมาทำตามใจตัวเอง จะส่งผลให้ชีวิตเราจะมีความสุขและอิสระมากขึ้น

โดยผู้เขียนเล่มนี้ คุณโกะโด โทคิโอะ ก็เติบโตมาในสังคมญี่ปุ่นที่มีวัฒนธรรมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ผู้คนคอยช่วยเหลือกันอยู่เสมอ ขณะเดียวกันมันก็ทำให้พวกเขาเอาอกเอาใจคนอื่นมากเกินไป จนสูญเสียความเป็นตัวเอง ซึ่งอาจมีบางมุมที่คล้ายกับวัฒนธรรมไทยอยู่บ้าง จึงทำให้เขานำเสนอทั้งวิธีคิดและการใช้ชีวิตที่แตกต่าง เพื่อความสุขของตัวเราเอง 

แก่นแท้ของเล่มนี้คือ จงกล้าที่จะยืนหยัดในความคิดของตนเอง กล้าปฏิเสธในสิ่งที่ไม่ชอบ เราไม่ต้องเสแสร้ง และไม่ต้องเหนื่อยที่จะต้องแคร์สายตาคนรอบข้างอีกต่อไป ยิ้มเมื่อรู้สึกขอบคุณหรือแบ่งปันความสุขให้อีกฝ่ายเท่านั้น แค่นี้ก็เพียงพอให้เรามีความสุขในแต่ละวันได้แล้ว

และหนึ่งในคำแนะนำที่เปลี่ยนมุมมองทางความคิดของผมพอสมควรคือ ‘เลิกกังวลกับการมีเพื่อนน้อย’ เพราะในวัยเด็กผมคิดว่าต้องมีเพื่อนมาก ๆ ถึงจะมีความสุข แล้วยิ่งมีเพื่อนมาเล่นกับเรามากเท่าไหร่ ความสนุกก็น่าจะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ซึ่งเหตุน่าจะมาจาก ความรู้สึกเหงาจากการอยู่คนเดียวนั้นทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยเหลือเกิน 

แต่เมื่อใช้ชีวิตผ่านวัยเรียน กระทั่งโตมาเริ่มทำงาน ก็เริ่มรู้สึกว่าการได้อยู่กับเพื่อนที่คอยรับฟังเราต่างหาก จึงเป็นความสัมพันธ์ที่คอยเติมเต็มความสุขซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง แล้วจึงจะตระหนักว่าการสร้างสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นนั้นย่อมต้องใช้เวลา ดังนั้นพวกเพื่อนที่มีมุมมองหรือความคิดตรงกับเราคงมีไม่มากนักหรอก 

นอกจากนี้ ผู้เขียนยังยกตัวอย่างวิธีใช้ชีวิตให้อิสระจากสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน การปฏิสัมพันธ์ ความเชื่อ ทรัพย์สินเงินทอง ไปจนถึงความรัก ให้เลือกนำมาปรับใช้อย่างเหมาะสมกับความเป็นตัวเรา

ในท้ายที่สุดแล้ว ยิ่งอ่านก็ทำให้เข้าใจว่า มนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม ความทุกข์ส่วนใหญ่มาจากความสัมพันธ์ และความสุขส่วนใหญ่ก็มาจากความสัมพันธ์เช่นกัน จึงจะให้สุดโต่งไปทางไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับคนไปเลยก็ไม่ได้ หรืออยู่กับกลุ่มเพื่อนจนไม่ได้กลับมามองตัวเองเลยก็ไม่ได้เช่นกัน 

จึงสามารถสรุปได้เลยว่า การจะใช้ชีวิตให้มีความสุขได้ จำเป็นต้องบาลานซ์ให้ดีระหว่างการอยู่คนเดียวและการมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยฟังเสียงภายใน เอาความปรารถนาของตนเองเป็นที่ตั้ง และหากเชื่อในตัวเองแล้ว ทำให้คนอื่นเกลียดบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกนะ