ยาดมและยาหอมเป็นส่วนหนึ่งของภูมิปัญญาไทยที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน เมื่อมีอาการวิงเวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลม สิ่งที่ใครหลายคนนึกถึงลำดับต้น ๆ ก็คงเป็นยาดม ยาดมและยาหอมได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากคนไทยทุกเพศทุกวัย ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการต่าง ๆ แต่ยังมีคุณค่าทางวัฒนธรรมที่แสดงถึงความรู้และทักษะของบรรพบุรุษเรา นอกจากนี้ยาดมยังถูกจัดอยู่ในหมวดยาสามัญประจำบ้านตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขไทย พ.ศ. 2550 อีกด้วย

หงส์ไทย หนึ่งในแบรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น นอกจากกระแสลิซ่าที่สร้างยอดขายได้อย่างถล่มทลายแถมยังเป็นที่รู้จักในวงกว้างแล้ว ยังเป็นไอเทมคู่ใจของ ฟ่าง ธีรพงศ์ ศิลาชัย นักยกน้ำหนักเจ้าของเหรียญเงิน Olympics Paris 2024 แต่ทุกคนทราบกันไหมว่ายาดมกระปุกเขียวฉลากเหลืองดีไซน์อันโดดเด่นนั้นมีจุดเริ่มต้นที่ทุลักทุเล 

‘เก่ง–ธีระพงศ์ ระบือธรรม’ เจ้าของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด

จุดเริ่มต้น จุดประกายไอเดีย

ยาดมหงส์ไทยอยู่คู่คนไทยมากว่า 18 ปีแล้ว ก่อตั้งขึ้นโดย ‘เก่ง–ธีระพงศ์ ระบือธรรม’ เจ้าของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ธีระพงศ์ผู้ที่ผ่านมาหลายหลากอาชีพเมื่อตอนอายุ 20 ต้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น เมสเซนเจอร์ที่โรงพิมพ์ ทำงานถ่ายภาพ ทำโบรชัวร์ หรือแม้แต่พนักงานบริษัททั่วไป และอาชีพสุดท้ายที่นำไปสู่จุดเริ่มต้นคือขายแคบหมูและน้ำพริก ธีระพงศ์ดำเนินธุรกิจขายแคบหมูและน้ำพริกได้อย่างราบรื่นในช่วงแรก แต่ยอดขายกำไรก็ค่อย ๆ ดิ่งลง เขาเลยรู้สึกว่าแล้วจะยังไง ไปต่อทางไหน เลยเปิดหนังสือพิมพ์เดลินิวส์อ่าน เปิดเจอคอลัมน์ ‘สร้างอาชีพ’ และในหน้านั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนทำพิมเสนน้ำที่วัดนางรอง ย่านภาษีเจริญ จากนั้นจึงนำไปสู่การลงคอร์สเรียนทำพิมเสนน้ำ และเริ่มลองทำพิมเสนน้ำขายแทนแคบหมูและน้ำพริก 

ธีระพงศ์ วางแผนกลยุทธ์การขายใหม่ เขาวางขายพิมเสนน้ำตามปั๊มน้ำมัน ซึ่งต่างจากแต่ก่อนที่ฝากขายแคบหมูตามร้านโชห่วย ในช่วงแรกเขาไปกับมันได้ดี แต่ก็ไม่วายอุปสรรค์เริ่มเข้ามา ยอดขายเริ่มตกเพราะคู่แข่งขายตัดราคา 

ยุคมืดของพิมเสน 

ตลาดของพิมเสนในตอนนั้นเริ่มทรง ๆ และตกต่ำลงเรื่อย ๆ เนื่องจากการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ทำให้พ่อค้าแม่ค้าบางรายเริ่มลดสเปกสินค้า ใช้ต้นทุนต่ำในการผลิต ทำให้สินค้าไม่มีคุณภาพ ซึ่งในตอนนั้นธีระพงศ์สามารถลดสเปก ลดคุณภาพสินค้า เพื่อเซฟต้นทุนได้ ถึงแม้จะได้กำไรเพิ่มก็ตาม แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ เพราะจะทำให้สินค้าไม่มีคุณภาพ จนในที่สุดตลาดก็ค่อย ๆ ซาลง

เปิดตัวยาดมหงส์ไทยกระปุกสีเขียว

หลังจากหายไป 2 ปี ธีระพงศ์ได้ขับรถแวะไปปั๊ม แล้วเจอเด็กปั๊มคนหนึ่งที่รู้จักกัน เขาถามว่า ‘พี่หายไปไหนมา มีลูกค้ามาตามหายาดมของพี่’ ซึ่งผมก็บอกว่า ทำไมไม่ตอบไปล่ะเลิกขายมา 2 ปีแล้ว เด็กปั๊มคนนั้นตอบกลับมาว่า ผมบอกแล้ว แต่ลูกค้าบอกว่า เผื่อน้องเขามาส่ง เป็นประโยคที่จุดประกายให้คิดริเริ่มที่กลับมาทำมันอีกครั้ง และปี 2549 คือการกลับมารอบใหม่ เดบิวต์ยาดมหงส์ไทยกระปุกสีเขียวฉลากสีเหลืองดีไซน์โดดเด่นอย่างเป็นทางการ

ที่มาของชื่อ ‘หงส์ไทย’ 

ธีระพงศ์เคยทำงานผลิตสารคดีและได้เดินทางไปทางภาคใต้ ผ่านอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งในครั้งนั้นเขาได้เห็นรูปปั้นหงส์ตัวใหญ่และรู้สึกประทับใจในความสวยงามของมันอย่างมาก จนกระทั่งตั้งตารอทุกครั้งที่มีโอกาสเดินทางผ่าน นอกจากนี้ ธีระพงศ์ยังเชื่อในความหมายมงคลของหงส์ตามความเชื่อของคนไทยที่ถือว่าหงส์เป็นสัตว์ที่นำความสิริมงคลมาให้ทุกที่ที่ไปอยู่ เขาจึงนำทั้งสองคำมาผสมผสานกันเพราะเป็นคนไทยและต้องการสร้างความหมายที่มีคุณค่าต่อเขา 

กลยุทธ์ใหม่นำไปสู่ความสำเร็จ

กลับมาคราวนี้หงส์ไทยมีชื่อพร้อมกับบรรจุภัณฑ์ใหม่ดีไซน์โดดเด่น ธีระพงศ์ได้วางแผนกลยุทธใหม่ คราวนี้ยังวางขายตามปั๊มน้ำมันเหมือนเดิมเพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มคนเดินทางผู้ใช้รถใช้ถนน และเพิ่มการเดินขายในตลาดเพื่อที่จะเก็บข้อมูลไปพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุด และแล้วการตลาดคราวนี้ก็มาถูกทาง คนซื้อไปใช้บอกปากต่อปาก จนกลายเป็นที่นิยมจนถึงวันนี้