Ipsos สำรวจผู้บริโภคจาก 50 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมกว่า 90% ของ GDP โลก ทำให้เห็นแนวโน้มความกังวลและความต้องการใหม่ ๆ ของผู้บริโภคในปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงทิศทางสำคัญที่ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

จากผลการสำรวจทั้งหมดชี้ให้เห็นถึง 4 เทรนด์หลักที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อและทัศนคติของผู้บริโภค ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่แบรนด์สามารถนำไปต่อยอดกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

Self-sumer ผู้บริโภคพึ่งพาตนเองมากขึ้น

สถานการณ์เงินเฟ้อและวิกฤตเศรษฐกิจทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าต้องลุกขึ้นมาจัดการชีวิตด้วยตัวเอง จากเดิมที่เคยมองว่าเงินเฟ้อเป็นเรื่องไกลตัว แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นปัญหาใกล้ตัวที่กระทบค่าครองชีพโดยตรง ทำให้ราคาสินค้าและบริการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

ตัวอย่างที่สะท้อนเทรนด์นี้อย่างชัดเจน คือคอนเสิร์ตของเทเลอร์ สวิฟต์ ที่ไม่ได้มาจัดที่ประเทศไทย นั้นทำให้แฟนคลับสวิฟตี้ที่เคยก่นด่าต้องปรับตัวเริ่มกลับไปแห่ซื้อตั๋วทันทีที่เปิดขาย แม้ต้องบินไปดูถึงสิงคโปร์ ไม่หวังพึ่งการช่วยเหลือจากภาครัฐฯ อีกต่อไป

รวมถึงพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากความสะดวกในการเปรียบเทียบราคา การได้รับรีวิวจากผู้ซื้อจริง และการจัดส่งที่รวดเร็วทันใจ นอกจากนี้ การช้อปปิ้งผ่านโซเชียลมีเดีย (Social Commerce) เช่น TikTok Shop และ Instagram ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทำให้แบรนด์ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดผู้บริโภคผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น

โอกาสทางการตลาด: แบรนด์สามารถตอบสนองด้วยการมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่า เน้นความคุ้มราคา (value for money) และสร้างแคมเปญที่สอดคล้องกับความรู้สึกของผู้บริโภคที่ต้องการคุมชีวิตเองมากขึ้น

Seamless Experience ประสบการณ์ไร้รอยต่อ

เทคโนโลยีไร้รอยต่อ แต่ต้องมีความเป็นมนุษย์ แม้ว่า AI กลายเป็นผู้ช่วยหลักในกระบวนการซื้อขาย ตั้งแต่การแนะนำสินค้าไปจนถึงการบริการลูกค้า แต่ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยยังคงรู้สึกไม่สบายใจกับการสื่อสารผ่านระบบอัตโนมัติ (Chatbot) บางคนรู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้งเมื่อต้องคุยกับหุ่นยนต์แทนการพูดคุยกับมนุษย์จริง ๆ

สิ่งสำคัญเลยคือผู้บริโภคต้องการการผสมผสานระหว่าง AI กับ Human Intelligence (HI) เช่น การใช้ Chatbot ที่สามารถส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญได้อย่างราบรื่น เมื่อพบปัญหาทางเทคนิคที่เกินความสามารถระบบอัตโนมัติก็จะมีเจ้าหน้าที่ตัวจริงเข้ามาตอบทันที

โอกาสทางการตลาด: แบรนด์ที่สามารถสร้างประสบการณ์การซื้อขายแบบไร้รอยต่อ แต่ยังคงความเป็นมนุษย์ (Human Touch) จะได้เปรียบในการสร้างความเชื่อมั่นและความผูกพันกับลูกค้า

Security ความปลอดภัยของข้อมูล

ความปลอดภัยของข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ทำให้การละเมิดข้อมูล (Data Breach) และการโจมตีทางไซเบอร์เป็นความกังวลหลักที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลส่วนบุคคลถูกนำไปใช้ในเชิงการตลาดอย่างแพร่หลาย โดยผู้บริโภคต้องการความโปร่งใสและการคุ้มครองข้อมูลที่ชัดเจน

โอกาสทางการตลาด: แบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับมาตรการความปลอดภัยของข้อมูล (Data Privacy) พร้อมสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและความภักดีจากลูกค้าได้ในระยะยาว

Sustainability ความยั่งยืน

ความยั่งยืนเป็นสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญมากขึ้น ภาวะโลกร้อน (Climate Change) และมลพิษทางอากาศ เช่น PM2.5 ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมคือการมีส่วนร่วมในการช่วยโลก

ผู้บริโภคต้องการเห็นแบรนด์ที่ลงมือทำจริง (Action-Oriented) มากกว่าการโฆษณาเพียงอย่างเดียว

โอกาสทางการตลาด: บริษัทต้องแสดงให้ผู้บริโภคเห็นอย่างชัดเจนว่าตนเองทำอะไรเพื่อโลกบ้าง พร้อมนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

สิ่งที่แบรนด์ควรลงมือทำทันที

  1. สื่อสารให้ชัดเจน ว่าแบรนด์กำลังทำอะไรเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
  2. ลงมือทำจริง เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นถึงความตั้งใจและไม่หมดหวัง
  3. สำรวจความต้องการลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ และนำข้อมูลมาปรับปรุงสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง (Personalized Marketing)

สรุป เทรนด์การตลาดปี 2025 สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคต้องการแบรนด์ที่เข้าใจและใส่ใจในความต้องการของพวกเขาจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญกับการพึ่งพาตนเอง การผสมผสานเทคโนโลยีกับความเป็นมนุษย์ การปกป้องข้อมูลส่วนตัว หรือการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาโลกร้อน

ดังนั้น แบรนด์ที่ปรับตัวตามเทรนด์เหล่านี้ได้อย่างจริงจังและจริงใจ จะสามารถครองใจผู้บริโภคและสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจในระยะยาว