โลกกำลังกลับด้าน เมื่อในปีที่ผ่านมา กระแส Loud Budgeting หรือการใช้สินค้าที่ไม่ฟุ่มเฟือย เน้นความคุ้มค่า ลดการฟุ่มเฟือยหรูหรา ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบใคร หรือซื้อตามกัน เพื่อที่จะให้คนในสังคมยอมรับ ตอนนี้กระแส Deinfluencing ที่เรียกว่าเป็นก๊อกสองของ Loud budgeting ก็กำลังมาแรงในโซเชียล
Deinfluencing คือเทรนด์ที่เหล่าอินฟลูฯ และ KOL (Key Opinion Leader) เริ่มออกมาทำคลิป ให้กลุ่มผู้ติดตาม หยุดซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็น และใช้ของที่ราคาประหยัด ในคุณภาพใกล้เคียง ในหลายประเทศ โดยเหล่าคนดัง เมื่อเห็นการใช้สินค้าของแบรนด์ใหญ่ที่กำลังมาแรง พวกเขาก็จะลงทุนไปซื้อมาทดสอบ แล้วถ้ามันไม่ดีจริงตามคำโฆษณา ก็จะมาทำคอนเทนต์ห้ามผู้ติดตามซื้อใช้ โดยออกมารีวิวถึงข้อดีข้อเสียของสินค้าชนิดนั้น ซึ่งแน่นอน ถ้าในไทยคงจะทำได้ยาก เพราะกฎหมายหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และผู้บริโภคอาจไม่มีอิสระในการวิจารณ์เทียบเคียงกับประเทศทางฝั่งตะวันตก
ตามกระแสไม่แลกระเป๋า : ที่มาของ Loud Budgeting
Loud Budgeting เป็นเทรนด์ที่เป็นกระแสตรงกันข้ามกับการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เพราะสาเหตุของเทรนด์นี้ก็มาจากปัญหาของการใช้เงินฟุ่มเฟือยนี่แหละ
เชื่อว่าเราน่าจะเห็นกรณีของคน (หลาย ๆ คน) ที่ต้องวนลูปอยู่กับ ‘การเป็นหนี้’ คนเหล่านี้มักจะเป็นกลุ่มคนที่ตามเทรนด์ไม่หยุดหย่อน คือเมื่อมีสินค้าใหม่ ๆ ที่กำลังฮิตติดกระแสก็จะซื้อทันทีเพื่อตามเทรนด์ ทั้งที่สินค้าเหล่านี้ไม่ได้มีความจำเป็นเลย และเพราะมันไม่จำเป็นจึงก่อให้เกิดหนี้สินผนวกกับหนี้ก้อนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าน้ำ ค่าไฟ และอีกมากมายที่จำเป็นจริง ๆ หนี้เหล่านี้ก็จะนำไปสู่ความเครียด พอเครียดก็แก้ปัญหาด้วยการซื้อ วนอยู่แบบนี้ ออกจากวังวนความเป็นหนี้ไม่ได้ แถมเศรษฐกิจก็ไม่ได้เอื้อต่อการใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือยมากขนาดนั้น ดังนั้นแนวทางออกจากวังวนก็ดูเหมือนว่าจะต้องแก้ตั้งแต่ต้นเหตุ นั่นคือเลิกซื้อของไม่จำเป็นสักที ! เอาล่ะ พูดถึงปัญหาและที่มากันไปแล้ว เรามาดูวิธีทำปรับเปลี่ยนพฤติกรรมฉบับ Loud Budgeting กันดีกว่า
5 กฎเหล็กแก้ปัญหา Loud Budgeting
- ใช้กฎ 48 ชั่วโมง
- ถ้าอยากได้ของที่ไม่จำเป็น ให้รอ 2 วัน ก่อนตัดสินใจซื้อ ให้เวลาได้คิดจริง ๆ ว่ามันจำเป็นแค่ไหน ต้องรีบซื้อทันทีหรือไม่
- อย่าซื้อตามกระแส
- อย่าซื้อเพียงเพราะคนอื่นมี หากไม่ใช่สิ่งที่เราชอบหรือจำเป็นจริง ๆ เพราะการซื้อตามกระแสอาจจะทำให้เราได้โอ้อวดแต่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น
- ลดการใช้โซเชียลมีเดีย
- เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยมีประสบการณ์ซื้อของตามแอปพลิเคชันต่าง ๆ เป็นประจำ เพราะมันช่างล่อตาล่อใจซะเหลือเกิน ดังนั้นทางออกคือจำกัดการดูรีวิวสินค้า เพื่อลดปัญหาการซื้อที่ไม่จำเป็น
- กล้าปฏิเสธ
- บอกแผนการเงินกับคนรอบข้าง เพื่อลดแรงกดดันในการซื้อ เราไม่จำเป็นต้องสังสรรค์ถ้ารู้ว่ามันจะกระทบกับเงินในกระเป๋า
- วางแผนการเงิน
- ถ้าประหยัดได้แล้ว ก็ต้องลงทุนเอาไว้ Passive income เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เอาเงินที่เราจะไปฟุ่มเฟือยและหมดชั่วคราวมาลงกับตรงนี้ ยังไงก็คุ้มกว่า
หลัก ๆ ก็คือพยายามออมเงินไว้ใช้สำหรับสิ่งที่จำเป็น และเลือกช่องทางการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง เพราะอย่างช่วงนี้ คอนเทนต์แนวประหยัดเงิน อดออมเงิน เพื่อฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ หรือเพื่อทำตามความฝันตัวเองก็กำลังมาเช่นกัน แล้วลูกเพจล่ะครับ ชอบคอนเทนต์แนวไหน