การติดตม. ไม่ใช่เรื่องตลก!!
ช่วงนี้กระแสคนไทย ที่ติดตม. เกาหลี เป็นอะไรที่ร้อนแรงงงง และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เยอะมาก! ทำให้บีอดไม่ได้ที่จะแชร์ประสบการณ์ ตอนที่ติดตม. ให้ฟังค่ะ เพราะมันสดๆ ร้อนๆ มาก!
หลังจากไปเยี่ยมพี่ที่ฮ่องกงหลายครั้ง หลายครา และไม่เคยประสบเหตุการณ์ใดๆ กับการติดตม. มาก่อน ล่าสุด ก็โดนจนได้.. ถึงตาเราสักที แต่ก็ไม่ได้เข้าไปในห้องเย็นสะทีเดียว เป็นการให้เรานั่งรอหลังเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมือง และพูดคุยประมาณ 15 นาทีเท่านั้นค่ะ
จริงๆ ก่อนหน้านี้ ก็มีสาวๆ ไทย ที่อัดคลิปหรือเขียนเล่าประสบการณ์การติดตม. ที่ฮ่องกงกันเยอะมาก ส่วนสาเหตุที่คนไทยหลายๆ คนติดกัน น่าจะเป็นเพราะ ทางฮ่องกงกลัวว่าจะไปทำมาหากินในฮ่องกงค่ะ และบีก็เคยสังเกตว่ามีชาวเอเชียแถบๆ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำงานที่ฮ่องกงเยอะพอสมควรเลย เอาหล่ะ! ขอลำดับเหตุการณ์ให้คุณผู้อ่านได้ฟังกันค่ะ
- เดินทางจากไทยไปฮ่องกง วันที่ 14 พ.ค. 2560
- เดินทางจากฮ่องกงไปสิงคโปร์ วันที่ 18 พ.ค. 2560
- เดินทางกลับจากสิงคโปร์ ไปยังฮ่องกง วันที่ 22 พ.ค. 2560
วันที่ 22 นี่แหละ! หลังจากตัดสินใจเลือกเวลากลับเป็นช่วงประมาณ ตี 1 และถึงฮ่องกงประมาณตี 5
ก็ถึงเวลาสนุกแล้วสิ หืม..
- เดินออกจากเครื่อง ประมาณ ตี 5 กว่าๆ
- เข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง และด้วยความง่วงๆ มึนๆ เลยไม่ได้แนบ Boarding pass ไป เอกสารที่บีส่งไปเลยมีแค่ Passport และ ใบ immigration ฮ่องกง
- เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการเปิด Passport ประมาณ 8 นาที พึมพัมๆ อยู่คนเดียว ก่อนถามว่า “อยู่ฮ่องกงนานเท่าไหน” บีตอบว่าประมาณ 1 เดือน
- เจ้าหน้าที่เรียกเจ้าหน้าที่ผู้หญิงอีกคนซึ่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ด้านหลัง ให้มารับบีไป
- เดินตามแต่โดยดี ไปนั่งรอตรงเก้าอี้ด้านหลัง ซึ่งมีผู้ชายวัยกลางคนนั่งอยู่ก่อน
- นั่งรอประมาณ 20 นาที เจ้าหน้าที่หญิงจึงเดินเข้ามาคุยด้วย
บีขอสรุปคำถามคร่าวๆ ที่เจ้าหน้าที่หญิงถามนะคะ
- มาอยู่นานเท่าไหน
บีตอบว่า ถ้านับจากวันนี้ไป ประมาณ 1 เดือน
- พักอยู่ที่ไหน โรงแรมอะไร
บีเลยบอกสถานที่พักคร่าวๆ ซึ่งเป็นคอนโดย่าน Tai kok tsui
- ถามว่า อาศัยอยู่กับใคร ทำงานอะไร เป็นคนฮ่องกงใช่มั้ย
ชี้ไปที่พี่ที่ยืนรออยู่ ด้วยสายตากดดัน บอกว่าอยู่กับพี่ เป็นนักบินที่ฮ่องกง ไม่ใช่คนฮ่องกง แต่อยู่มาหลายปีแล้ว
- ทำงานอะไร
ทำ Marketing และอยู่ในช่วงพักเบรคการทำงาน ตอนนี้เลยมาพักและเที่ยวชิลๆ ที่ฮ่องกง
- มาท่องเที่ยวใช่มั้ย
ก็ตอบไปว่าใช่
- ตอนอยู่ฮ่องกงก่อนหน้านี้ ไปที่ไหนมาบ้าง
เอาหล่ะ หลังจากง่วงๆ ก็ทบทวนว่าไปที่ไหนมาบ้าง อ้ออ ไปมาที่เดียว เลยตอบว่าวันที่มีกังหัน แล้วก็บอกว่าถ้าไปไหว้ จะมีโชคดี
- ขอดูเงินสดที่แลกมา
เปิดกระเป๋าตังให้ดู
- แลกเงินมาเท่าไหร่
มีความเบลอๆ ว่าแลกมาเท่าไหร่ ตอนแลกที่พารากอนก็ไม่ได้จำ จำได้ว่ายื่นๆ เงินไป เลยตอบว่า ไม่แน่ใจ ประมาณที่เห็นนี่แหละ
- ขอดู Boarding pass
ค้นๆ กระเป๋า และยื่นให้
- ขอดูไฟลท์เที่ยวบินขากลับ
เปิดในอีเมล์ โชว์เที่ยวบินขากลับของ Emirates
10. หลังตอบคำถามทั้งหมดเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็กลับไปตรงเคาน์เตอร์
11. เจ้าหน้าที่พาบีมายังด่านตรวจคนเข้าเมืองอีกครั้ง กับเจ้าหน้าที่คนเดิมที่ให้เราไปคุยกับเจ้าหน้าที่ผู้หญิง
12. เจ้าหน้าที่เขียนใบติ้กๆ อะไรสักอย่าง และยื่น Passport และ Boarding pass คืนค่ะ
13. เดินจากมาจากด่านตรวจคนเข้าเมือง
จากทั้งหมดนี้ อาจไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่หลวงอะไร แต่ก็กินเวลาร่วมครึ่งชั่วโมงเหมือนกัน (ขนาดมีแค่ 2 คนนะ) ดังนั้นการไม่ติดเลยน่าจะดีกว่ามากๆ ค่ะ และที่สำคัญหากพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง มึนๆ งงๆ น่าจะติดดยาวๆ เลย เพราะผู้ชายคนก่อนหน้าบี ยังถูกกักอยู่เลยค่ะ
จากคำถามคร่าวๆ จะสังเกตว่าส่วนใหญ่ จะเป็นคำถามที่ระแวดระวังว่าเราจะหนีเข้ามาทำงานที่ฮ่องกง ซึ่งถ้าใครสะดวกใจ ก็ตอบตามความจริงไปได้เลยค่ะ ส่วนคำแนะนำเพิ่มเติม จากประสบการณ์คือ การเตรียมตัวให้พร้อม ไม่ว่าช่วงเวลาไหนๆ
สิ่งที่ควรเตรียมเสมอ
- Passport
- Boarding Pass
- ตั๋วเที่ยวขาไป ขากลับ ปริ้นออกมาเลย หรือจะแค็ปหน้าจอออนไลน์ก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่สนามบินจะมี wifi ก็เชื่อมต่อแล้วเปิดได้ค่ะ แต่เพื่อความสบายใจ โหลดหรือปริ้นออกมาเลยดีกว่า
- สำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ คงมีสถานที่ท่องเที่ยวในใจ ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ก็เตรียมตอบคำถามได้เลยว่าจะไปที่ไหนบ้างคะ
- อย่าหวังน้ำบ่อหน้า แลกเงินมาจากไทยเลยดีกว่า จะได้ยื่นให้ดูว่า อ๊ะ! ชั้นมาเที่ยวนะยะ
- ใบ immigration กรอกให้ละเอียดหน่อย ไม่เสียหาย ยอมรับว่าบีเป็นคนขี้เกียจกรอก ใบ immigration มาก เขี่ยๆ ไป ข้อมูลอาจไม่ละเอียดพอ ทำให้เสียเวลาตอนหลังได้ค่ะ
- สีหน้าควรมั่นใจ แฮ้ปปี้ เรามาเที่ยว!! ส่วนวันนั้นบีง่วงๆ อึนๆ และหงุดหงิดนิดหน่อย เลยเป็นที่ต้องสงสัยก็เป็นได้
- ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาแม่ของไทย การใช้ภาษาอังกฤษแบบฉะฉาน จึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่อย่างน้อยควรพูดประโยคพื้นฐาน และเข้าใจความหมายได้บ้าง เพราะจากที่บีสังเกตุไม่มีล่าม ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนะคะ (ไม่แน่ใจว่าปกติมีหรือไม่ ในบางที่อาจจะมี ก็รอดไปค่ะ) ถ้าสื่อสารไม่ได้ มีสิทธิถูกกักนานแน่ๆ ค่ะ
นี่ก็เป็นประสบการณ์มันส์ๆ กับการติด ตม. ครั้งแรกของบี จริงๆ บีควรจะให้เจ้าหน้าที่ดู Boarding Pass และเที่ยวบินตั้งแต่แรก ที่โดนเชิญเข้ามา จะได้ไม่เสียเวลาเยอะ แต่ก็อยากลองดู ลองคุยว่า เจ้าหน้าที่มีขั้นตอนการทำงานยังไง ถามอะไรบ้าง ก็ถือเป็นประสบการณ์ตื่นเต้นอีกเหตุการณ์ ประสบการณ์การติด ตม. ที่ฮ่องกงครั้งนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านที่กำลังจะไปท่องเที่ยวยังต่างแดน จะได้ระวังและไม่เสียเวลาแบบบีเนอะ
ส่วนใครที่เคยติด ตม. ก็อย่าลืมแชร์ มาเล่าให้ฟังกันด้วยนะคะ ว่าผ่านมากันได้ยังไง